Monday, December 30, 2013

ว่าด้วย Otome Drama CD ปี 2013 เพราะเธอเปลี่ยนหรือฉันเปลี่ยน ?

อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่แล้ว ช่วงนี้ดูเหมือนค่ายดราม่าซีดีที่ญี่ปุ่นหลายๆค่ายก็จะหยุดพักผ่อนกันเสียด้วย แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง “โอโตเมะซีดี乙女向けドラマCD” หรือซีดีที่มุ่งเน้นไปยังตลาดที่เป็นผู้หญิงโดยเฉพาะ (เราก็เป็น 1 ในนั้น) มาดูกันว่าปี 2013 มีอะไรเกิดขึ้นกับวงการดราม่าซีดีสำหรับสาวๆกันดีกว่าค่ะ

1. มีการวางจำหน่ายดราม่าซีดี เรท R-18 มากขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การทำดราม่าซีดีสำหรับสาวๆเดี๋ยวนี้เป็นเรื่องยาก แถมยังกลายเป็นโจทย์ที่ทำให้เหล่าหนุ่มๆเซย์ยูต้องทำการบ้านเพื่อเตรียม เสียงจูบ เสียงกระซิบ เสียงครางกระเส่า ไม่พ้นเรื่องที่ต้องทำเสียงเพื่อ กุ๊กกุ๊กกู๋ กับดัมมี่เฮดไมโครโฟนด้วย (เคยได้ยิน พี่หล่อ หรือ ซากุไรซัง เคยออกมาพูดเรื่องที่ว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างไรกับงานในปัจจุบันนี้ที่เพิ่มความยากมากขึ้น เอะ แต่พี่หล่อก็ไม่เคยพากย์ดราม่าซีดี 18+ นะคะ อิอิ)


อันนี้ไม่ใช่ 18+ นะ แต่อันนี้พี่หล่อพากย์แบบอือม เอโรนิดๆ 5555+

จำได้เลยว่าซีดี R-18 ที่วางแผงในต้นปี 2013 คือ Yanero ~Ai suru ga yue ni~ ที่ชินจัง(ใช้นามแฝงว่าโควเตย์)เป็นคนพากย์ แต่พอมาถึงฉากเกือบจะไคลแมกซ์ก็ตัดออกไปซะงั้น... พอดราม่าซีดี Inwaku no Hakoniwa ของค่าย Operetta (ค่ายนี้เคยวางจำหน่ายดราม่าซีดี Sono ai wa Yamai ni itaru ในปลายปี 2012 ด้วย) วางขายไปแล้วเรียบร้อย ไม่นาน ค่าย Hitsujigumo ที่วางจำหน่ายซีดี Kannou Jikan ซีรีย์ใช้เสียงแบบไซมิง(สะกดหลับ) (แต่สาวๆก็นอนไม่หลับเพราะเนื้อหาของซีดีมีแอบเอโร่ยเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับต้องกำหนดเรท R-18) ก็ประกาศเปิดตัวดราม่าซีดีใช้ดัมมี่เฮดไมค์อัดเสียง เรท R-18 Jooubachi no Kanbinaru Kougou จนได้ แต่พอวางจำหน่ายโวลุ่มแรกขึ้นมา กลับไม่ถูกใจแฟนเกิร์ลจนเกิดกระแส “คุณแม่ไม่ปลื้ม” แล้วกระแสคุณแม่ไม่ปลื้มก็พยายามกดดัน(?)ให้คุณเมฆแกะ พยายามพัฒนาโวลุ่มต่อไป แต่ก็ดูจะเหมือนยังไม่ถูกใจสาวๆกันนัก (ยกเว้นโวลุ่มของรูบี้มั้งที่สาวๆเขากรี๊ดกร๊าดกัน)

 
 
จนกระทั่งในที่สุด ก็มีการเปิดตัวค่ายดราม่าซีดีใหม่ขึ้นมาอีกค่าย คือ Milky Chain ค่ายนี้สาวๆหลายคนที่หลงใหลมุ้งมิ้งไปกับเสียงของ สุซึกิ ยูโตะ(ใช้นามแฝงอะซางิ ยู) ก็คงจะรู้จักกันดี โดยเนื้อหาของซีดีจริงๆก็เป็นดราม่า มีรักกันมีทะเลาะกันตามประสาโอโตเมะซีดี แต่ 10-20 นาที จะเน้นไปที่ฉาก “R-18” นั่นเอง โดยกระแสตอบรับของสาวๆดีมากถึงมากที่สุด ถึงขนาดดราม่าซีดีดูดเลือดแบบซาดิสม์อย่าง Diabolik Lovers ก็ดูเหมือนจะตกอันดับไปเลยทีเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะมีค่ายอื่นพยายามผลิตโอโตเมะซีดีเรทแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ที่ยังไม่ปกติคือ หนุ่มๆเซย์ยูเสียงเซะซี่ทั้งหลายก็ยังไม่กล้าเปิดเผยชื่อจริงของตัวเองในการพากย์อยู่ดี

 
 
อย่างเช่น “คิชิโอะ ไดสุเกะซัง” ของพวกเราก็ยังแอบไปพากย์ดราม่าซีดี Inma จากค่าย Velvet Voice (แยกมาจากค่าย Frontier Works วางขายดราม่าซีดีเรท R-18 โดยเฉพาะ) แต่ถึงแม้ว่าคิชิไดจะเคยใช้ชื่อจริงของตัวเองพากย์เกม R-18 Ijiwaru My Master มาแล้ว แต่เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ทำให้พี่แกถึงกับใช้นามแฝงยาวถึง 15 พยางค์กันเลยทีเดียว สงสัยจะเป็นเพราะเรทซีดีที่กำหนดถึง R-20 กันเลยแน่นอน แต่ก็ยังเป็นที่แปลกใจว่า ทาคาฮิชิ ฮิโรกิซัง ก็ยังใช้นามแฝงเก่าของเขาในการพากย์ซีรีย์นี้อยู่...



2. “คุณลุงคะ คุณลุงขา” ซีดีที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ

ที่ขาดไม่ได้ในปีนี้น่าจะเป็นกระแส “โอจิซามะฟีเวอร์” อันนี้จขบ.ยอมรับว่าแอบเป็นโอจิค่อนนิดๆ (โอจิค่อนเซย์ยูนะคะ 5555+) แต่มีความรู้สึกว่ายังรับโอจิแบบสองมิติไม่ได้... ดราม่าซีดีที่ทำออกมาในปีนี้ มีส่วนหนึ่งที่ไปลงเรื่องที่มีคุณลุงเป็นตัวเอกเสียเยอะ ทั้งแบบธรรมดาและ R-18 เช่นค่าย Cineria ที่เปิดตัวดราม่าซีดี Daisuki Ojisan ที่การันตีไว้ว่าฟังแล้วคุณต้องรักคุณลุงเพิ่มขึ้นแน่นอน (รักนี่แนวหนุ่มสาวนะคะ 5555+) หรือค่ายหนึ่งที่ผลิต Ojisama Factory ซีรีย์ที่นางเอก(คนฟัง)ได้ทำงานร่วมกับเหล่าคุณลุง รวมถึงค่าย Milky Chain ที่ออกซีรีย์ Ojisama Shinshiroku มาถึง 3 โวลุ่มกันเลยทีเดียว ยังมีซีรีย์ Akogare Situation ที่มีโวลุ่มจัดตัวละครหลักเป็นหนุ่มๆโอจิอีกด้วย ยังไม่พอ Inma โวลุ่มที่ 3 ก็ยังแอบเป็นอิมมะคุณลุง กับ อิมมะสุภาพบุรุษ(ก็คุณลุงอะหละ)อีกต่างหาก แหม...ปีนี้ ช่างเต็มไปด้วยคุณลุงเสียเหลือเกิน หวังว่าปีหน้าคงจะได้เห็นหนุ่มๆโชตะโฮกๆบ้างนะ 5555+



3. “เอ็มคร้าบบบบ ผมเป็นเอ็ม” ซีดีที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ

เริ่มจากดราม่าซีดี Do-M Club ซึ่งมี โอโนะ ยูกิ กับ อิโนะอุเอะซัง เป็นคนพากย์ ซีรีย์นี้อาจจะยังเรียกสาว S ไม่เพียงพอ แต่ที่ชัดเจนที่สุดในปีนี้คือดราม่าซีดี Jooubachi no Kanbinaru Kougou Vol.2 อุซึโระ ซึ่งตัวละครอุซึโระเป็นตัวละครที่รักนางเอกมาก และ ยอมถูกนางเอกตบตี ถีบ เตะ โดยไม่ยอมบอกให้พอเสียที และยังต้องการให้กระทำมากขึ้นไปอีก รวมทั้งต้นปี 2014 นี้ยังมีการประกาศวางจำหน่ายดราม่าซีดีเรท R-1 โดยค่าย Bullet “Futari no Himitsu” ที่หนุ่มในซีดีแอบเป็นหนุ่มเอ็มเสียด้วย (ฟังจากตัวอย่างเสียงนี่ จะเอ็มแบบเอโร่ยๆนะ 555) เป็นอีกสีสันหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในการผลิตโอโตเมะซีดีของค่ายดราม่าซีดีต่างๆในปี 2013 ที่กำลังจะหมดไป....



4. “คันโน่ซอง” เพลงสะกดวิญญาณ (หรือกระชากกันแน่)

เพื่อนๆหลายคนอาจจะคุ้นกับดราม่าซีดีที่ใช้ไมโครโฟน 3 มิติในการอัดเสียงแบบได้ยินรอบทิศทาง แต่อาจจะมีเพื่อนๆบางคนยังไม่ได้ฟัง 官能ソング (คันโน่ซอง) เพลงแนวอิโรติกที่มีการใช้ดัมมี่เฮดไมค์ในการอัดเสียง ซึ่งซีดีแนวนี้เคยทำมาแล้วโดยค่าย Rejet ซีรีย์นี้มีชื่อว่า Seventh Heaven ซึ่งจะทำเป็นดราม่าพูดคุยกันใน 6 แทรคแรก และแทรคต่อมาจะเป็น”เพลง” โดยเซย์ยูจะร้องเพลงใส่ดัมมี่ไมค์ และ เดินไปรอบๆทิศทางเพื่อร้องเพลงจากทางซ้ายบ้างขวาบ้าง เข้ามาจูบเราบ้างตามท่อนเพลง อย่างไรก็ตามซีรีย์นี้ก็ได้รับการต้อนรับจากสาวๆญี่ปุ่นพอสมควร ใครยังไม่ได้ฟังก็ลองหามาฟังกันได้ค่ะ



ในปีหน้า เราอาจจะเจออะไรใหม่ๆและเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิมจากปี 2013 ก็เป็นได้ แต่จะเปลี่ยนไปแบบไหน หรือมีอะไรใหม่ๆมาทำให้สาวๆหัวใจตูมตามพร้อมฉีกกระเป๋าสตางค์ของตัวเอง ก็ต้องติดตามกันต่อไป...

ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นแค่สิ่งที่จขบ.สังเกตมาและมาเล่าให้เพื่อนๆฟังเท่านั้นนะคะ จริงๆแล้วอาจจะมีอะไรที่เพิ่มขึ้นมาเยอะกว่านี้ แต่ถ้าคิดได้เดี๋ยวเอามาลงโอกาสหน้าแล้วกันเนอะ เพื่อนๆคนไหนที่ชอบเหมือนเราก็มาเม้นคุยกะเราได้นะคะ 55555+ 

แล้วเจอกันใหม่ในเอนทรี่หน้าค่ะ *v*


Tuesday, December 3, 2013

[Preview] ย้อนรอยเกมจีบหนุ่มรักโรแมนติก Kaminaru Kimi to


“เวลาแห่งสัญญาได้มาถึงแล้ว สัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า  และข้าจะทำให้สัญญาพันปี ได้เป็นความจริงเสียที”
ณ ศาลเจ้าเล็กๆในเมืองที่ไกลออกไป เธอคนนั้นได้ยินเสียงนั้นจากที่สงบเงียบ  

เสียงลมพัดวูบหนึ่ง ทำให้เธอสติขาดหายไปชั่วคราว  
และเมื่อเธอฟื้นขึ้นมา เธอก็พบว่าเธอมีตัวตนหนึ่ง ที่ใครๆก็เรียกเธอว่า “เทพเจ้า”
เธอได้กลายเป็นเทพเจ้าที่ใครๆก็เคารพบูชาเสียแล้ว ! 
เรื่องราวเล็กๆของสาวน้อยผู้กลายเป็นเทพเจ้าแสนอ่อนโยน แสนอบอุ่น แต่ก็แสนเศร้า ได้เริ่มขึ้นแล้ว !

ป๊าดดดดดดดดด เปิดขึ้นมาก็ลิเกเลยทีเดียว จะมาแจ้งข่าวว่าพรีวิวเกม Kaminaru Kimi to เกมจีบหนุ่มจากค่ายโอโตเมท วางแผงเมื่อปี 2011 ได้เอาไปลงเวป Online Station แล้วค่าาาาาาาาา

กดตามรูปนี้แล้วไปกันเลยยยยยยยย 

http://img.online-station.net/_news/2013/1119/72842_01_2_1.jpg


เกมนี้เป็นเกมแรกที่เราซื้อแผ่นแท้มา (จริงๆนะ ><) ภาพสวยมาก เนื้อหาซึ้งมาก จริงๆเราเคยอ่านพรีวิวมาเหมือนกัน แต่พอได้มาเล่นเองแล้วมันรู้สึกจริงๆว่าถ้าให้คะแนนเกมนี้เอาไป 9.5 จาก 10 คะแนนเลยอะะะะะ >< ก็เลยลองพรีวิวโดยใช้ภาษาของตัวเองนี่หละ เผื่อเพื่อนบางคนยังไม่ได้เล่น ก็ถือว่าเป็นการแนะนำเกม + รูทเล็กๆของหนุ่มแต่ละคนไปในตัวเลยค่ะ

ก่อนจากกันไปวันนี้ จะมาบอกว่าจขบ.มีแพลนรีวิวดราม่าซีดีอะไรบ้าง....

1. Vanquish Brothers 2nd Night Shingen CV. Kakihara Tetsuya
2. Kareshi Igai Type D:Z Kareno chichi tono ayamachi

ที่เหลือแล้วแต่อารมณ์และงานฝั่งเกมจีบหนุ่มก่อนนะคะ.... //โดนคนอ่านเสย

Monday, November 18, 2013

[Preview Otome Game] 放課後 Colorful Step うんどうぶ!


แหะๆ มาลงบล๊อคตัวเองด้วยเพื่อเพิ่มเรทติ้ง (เรทติ้งวอสสสสสสส ToT)

พรีวิวลงที่เวป Online Station เรียบร้อยแล้วค่ะ (คลิกที่รูปเยยยย)

http://www.online-station.net/news/preview/1144

เนื้อเรื่องย่อ

ณ โรงเรียนมัธยมเอกชนโทคิวะ โรงเรียนที่มีกิจกรรมชมรมหลากหลาย 
พวกเขามีกฎให้นักเรียนทุกคนต้องมีชมรมอยู่ 
โคฮินาตะ นัทสึโกะ และ ฮารุโกะ (นางเอก/ผู้เล่น)
เพิ่งย้ายเข้ามาในโรงเรียนโทคิวะตอนม.ปลายปี 2 ใหม่ๆ
กำลังลังเลว่าจะเลือกเข้าชมรมใดดี ผ่านการลองเข้าชมรมที่หลากหลาย 
เพื่อสะบัดความลังเลออกไปนั้น ทั้งสองเลือกกันอยู่นานมาก 

จนสุดท้ายมีทางเลือกอยู่แค่คนละ 2 ชมรม แล้วชมรมที่คุณเลือกจะเป็นชมรมไหนละ.... ?

เกมนี้วางจำหน่ายสองครั้งนะคะ เพราะมีแยก ชมรมกีฬา กับ ชมรมวัฒนธรรมค่ะ

มีดราม่าซีดีด้วยนะเอออออ (สาวกเซย์ยูมีชื่อห้ามพลาดดดดดด)



ไปอ่านแล้วก็ไปเม้นกันด้วยนะก๊ะ จ๊วบๆๆๆๆๆๆๆคนเม้นค่าาาาาาาาาาาาาาาาา

Thursday, November 14, 2013

[Translation] 月蝕 (Eclipse) Diabolik Lovers More,Blood


เย้ววววววว ชั้นเป็นอะไรกับเพลงจบเกมดีอาเลิฟเวอร์นักหนาเนี่ยยยย
ครั้งที่แล้วก็บ้าพลังแปลทั้งอิ๊งเวอทั้งไทยเวอกับเพลง Parhelion Logic
วันนี้มาแปลเพลงจบภาคมอร์บลัดค่ะ !


คำเตือน
1. ในเพลงมีภาษาพูด เพราะฉะนั้นตอนแปลเราจะแปลเป็นภาษาพูดเลยนะคะ
2. อาจจะมีคำแปลกๆ อันนี้เราไม่แน่ใจ ใครรู้หรือมีความสามารถมากพอ สามารถหลังไมค์มาแก้ให้เราได้นะคะ...
3. ห้ามเอาความหมายออกนอกบล็อก ไม่งั้นเราจับประจานแน่ (หึหึ....) หรือ ถ้ามั่นใจว่าคำแปลของเราจะไม่ทำให้หน้าแตก ก็เอาออกไปได้เลยค่ะ (อ้าว.... – คนอ่าน)




月蝕 (Eclipse)
จันทรคราส
เพลงประกอบ Ending เกมจีบหนุ่ม Diabolik Lovers More,Blood
ผู้ขับร้อง : 

มุคามิ โคว (คิมุระ เรียวเฮ)
มุคามิ ยูมะ (สุซุกิ ทัตสึฮิสะ)
มุคามิ อาซึสะ (คิชิโอะ ไดสุเกะ)
แปลภาษาไทยโดย : Aikarin Sakamaki
แหล่งจำหน่ายซีดี : Amazon_JP


色褪(いろあ)せた写真(しゃしん)を嬉(うれ)しそうに眺(なが)める少女(し ょうじょ)
หญิงสาวผู้มองรูปภาพเลือนรางอย่างดีใจ

自壊(じかい)する暇(ひま)もなく
ไม่มีแม้เวลาจะทำลายตัวเอง

鍵(かぎ)をかけた宝箱(たからばこ)の中身(なかみ)は 
ของภายในกล่องสมบัติที่ลงกลอนไว้

純(じゅん)に腐(くさ)ってたのでしょう? 
มันเน่าหมดแล้วใช่ไหม ?

鏡(かがみ)の向(む)こうで笑(わら)っている人形(じぶん)に疑問(と)えばい い
จงถามตุ๊กตา(ตัวเอง)ที่หัวเราะอยู่ในกระจกตรงข้ามเธอดูสิ

「窓(まど)から差(さ)し込(こ)む木漏(こも)れ日(び)を憎(にく)むのは必 然(ひつぜん)でしょう」
การเกลียดชังแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างอาจเป็นเรื่องธรรมชาติก็ได้

割(わ)れた自己顕示(プライド)は
ความหยิ่งผยองที่แตกหักนั้น

どこまでも真(ま)っ直(す)ぐに
จะวิ่งตรงไปตลอดทาง

誰(だれ)も傷(きず)つけたくない、と
歪(ゆが)んだ理想(りそう)に夢現(ゆめうつつ)
ความฝันเลื่อนลอยด้วยความคะนึงอันบิดเบี้ยวที่ว่า “ฉันไม่ต้องการทำร้ายใคร”

思(おも)うほど緩(ゆる)む口(くち)
ปากที่ไวยิ่งกว่าความคิด

滴(したた)り落(お)ちた告解(こっかい)も、また「虚言(うそ)」
คำสารภาพที่หยดลงไปก็ โกหกอีกแล้ว

塞(ふさ)いで欲(ほ)しいと懇願(ねが)う月(わたし)に圧(お)しかかる
คำอ้อนวอน(ขอร้อง)ที่กดดันให้พระจันทร์(ฉัน)กลบมันเอาไว้

貴方(あなた)はまるですべてを飲(の)み込(こ)んでく蝕(Eclipse)
เธอนั้นราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างลงไป จันทรคราส (Eclipse)

もっと奥(おく)へ......
ให้ลึกกว่าเดิม

もっときつく......
ให้แน่นหนากว่าเดิม

悩(なや)ましい苦言(くげん)を踏(ふ)みにじって嘲(あざけ)る症状(しょうじ ょう)
อาการที่เหยียดหยามและล้อเลียนคำแนะนำตรงๆแสนเสน่ห์

俯瞰(ふかん)する余裕(よゆう)哭(な)く
ไม่มีค่าต้องไปสนใจมัน

灰(はい)を被(かぶ)る自尊心(おもいやり)の正体(しょうたい)
ตัวตนของความผยองที่ครอบเถ้าถ่านไว้

真(しん)に汚(よご)れてたのでしょう?
มันแปดเปื้อนไปแล้วจริงๆใช่ไหม ?

下弦(かげん)を知(し)らずに落下(お)ちてく月(つき)は美(うつく)しくて
พระจันทร์ที่โน้มลง อย่างไม่รู้วันและเวลา ช่างดูสวยงาม

「夢(ゆめ)から覚(さ)めない幻想(げんそう)に生(い)きるのは当然(とうぜん)でしょう」
การมีชีวิตอยู่ในจินตนาการที่ไม่ยอมตื่นจากความฝัน อาจเป็นเรื่องธรรมชาติก็ได้

歪(ゆが)む都合主義(STORY)を
หลักการที่เอาแต่ความสะดวก (เรื่องราว) อันผิดเพี้ยนนั้น

果(は)てしなく貫(つらぬ)けば
ให้มันดำเนินต่อไปแบบไม่จบไม่สิ้นสิ

みんな居(い)なくならないで、と
無想(むそう)の理論(りろん)は崩壊(くず)れ落(お)ち
ทฤษฎีความจริงที่ว่า “ทุกคนอย่าหายไปไหน” มันล่มสลายหายไป

願(ねが)うほど乖離(かいり)して
ทำให้คลาดเคลื่อนยิ่งไปกว่าคำวิงวอน

溢(あふ)れ出(だ)した切望(ねがい)も、また「虚言(うそ)」
ความปรารถนา (คำขอร้อง) ที่พรั่งพรูออกมาก็โกหกอีกแล้ว

殺(あや)めて欲(ほ)しいと告(つ)げた
บอกว่าอยากให้ฉันฆ่าเธอ

私(わたし)を支配(ほし)がってる
เธอออกคำสั่ง(ต้องการ)ฉันอยู่ตอนนี้

貴方(あなた)はきっとすべてを奪(うば)おうとしてる蝕(Eclipse)
ตัวเธอนั้นต้องกำลังพยายามช่วงชิงทุกอย่างอยู่แน่นอน จันทรคราส (Eclipse)

もっと強(つよ)く......
ให้แรงขึ้นไป

もっと深(ふか)く......
ให้ลึกลงไป

癒(い)えぬ傷痕(おもいで)が
แผลเป็น(ความทรงจำ)ที่ล่อหลอกนั้น

いつまでも愛(いと)おしい
จะแสนรักไปถึงไปตลอดกาล

誰(だれ)も傷(きず)つけたくない、と
歪(ゆが)んだ理想(りそう)に夢現(ゆめうつつ)
ความฝันเลื่อนลอยด้วยความคะนึงอันบิดเบี้ยวที่ว่า “ฉันไม่ต้องการทำร้ายใคร”

思(おも)うほど緩(ゆる)む口(くち)
ปากที่ไวยิ่งกว่าความคิด

滴(したた)り落(お)ちた告解(こっがい)も、また「虚言(うそ)」
คำสารภาพที่หยดลงไปก็ โกหกอีกแล้ว

塞(ふさ)いで欲(ほ)しいと懇願(ねが)う私(わたし)に圧(お)しかかる
คำอ้อนวอน(ขอร้อง)ที่กดดันให้ฉันกลบมันเอาไว้

貴方(あなた)はまるですべてを飲(の)み込(こ)む蝕(Eclipse)
เธอนั้นราวกับจะกลืนกินทุกอย่างลงไป จันทรคราส (Eclipse)

みんな居(い)なくならないで、と
無想(むそう)の理論(りろん)は崩壊(くず)れ落(お)ち
ทฤษฎีความจริงที่ว่า “ทุกคนอย่าหายไปไหน” มันล่มสลายหายไป

願(ねが)うほど乖離(かいり)して
ทำให้คลาดเคลื่อนยิ่งไปกว่าคำวิงวอน

溢(あふ)れ出(だ)した切望(ねがい)も、また「虚言(うそ)」
ความปรารถนา (คำขอร้อง) ที่พรั่งพรูออกมาก็โกหกอีกแล้ว

殺(あや)めて欲(ほ)しいと告(つ)げる
บอกว่าอยากให้ฉันฆ่าเธอ

私(わたし)を支配(ほし)がってる
เธอออกคำสั่ง(ต้องการ)ฉันอยู่ตอนนี้

貴方(あなた)はきっとすべてを奪(うば)おうとしてる蝕(Eclipse)
ตัวเธอนั้นต้องกำลังพยายามช่วงชิงทุกอย่างอยู่แน่นอน จันทรคราส (Eclipse)

もっとぜんぶ......
เอาเข้าไปอีก.....

もっとぜんぶ......
เอาเข้าไปให้หมด.....

===================================

My comments about this song & translations :
เพลงนี้ปวดตับเหมือนกับ Parhelion เด๊ะๆเลยเหอๆ
อยากรู้ว่า "หญิงสาวผู้มองรูปภาพเลือนรางอย่างดีใจ" ใครกันน้อ....
นางเอกปะ...ตอนจบนางเอกเข้าโรงพยาบาลบ้าปะ 55555+

//โดนถีบ

Monday, November 11, 2013

[Review Drama CD] Vanquish Brothers 1st Night Nobunaga

- พูดคุยก่อนรีวิวกันหน่อยนะคะ -
ช่วยอ่านข้อความของเราในตอนจบด้วยนะคะ จุ๊บๆ //โดนถรีบ

[Drama CD] Vanquish Brothers 第壱夜 ノブナガ
CV. ชิมาซากิ โนบุนางะ
Release Date : 30 October 2013
ผลิตโดย : Rejet
Rate : ไม่จำกัดอายุ (แต่ตอนนี้คนรีวิวแนะนำสำหรับคนอายุ 18 ปีขึ้นไปฟังนะคะ...)
อุปกรณ์เสริม : Dummy Head Microphone


ตัวละคร
Nobunaga  CV. Shimazaki Nobunaga (พี่ชายคนโตของบ้าน โดะเอส คิจิคุ(โฉด) สั่งสอน)
นางเอก เป็นเจ้าหญิงที่ต้องมอบคืนแรกให้หนุ่มคนไหนสักคน CV. คนฟัง

ปล. เราขอแทนตัวนางเอกเป็นคำว่า “เรา” นะคะ คนอ่านจะได้จิ้นตัวเองไปด้วย 555555+ ส่วนโนบุนางะ เราอาจจะเรียกว่า “โนบุนางะ” บ้าง “โนบุ” บ้าง แต่เป็นคนเดียวกันนะคะ


Track 1 天下無敵 Prologue

แทรคเริ่มขึ้นในขณะที่เรากำลังจะกลับบ้าน เราก็ถูกฉุดโดยชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง แต่แล้วก็มีชายอีกคนปรากฏตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาถามแบบทำเท่ห์ว่า “ต้องการอะไรจากเธอคนนั้น” และเขาก็สังเกตว่าคนพวกนั้นไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเดียวกับเขาด้วย เขากำลังจะถามชื่อของคนพวกนั้น แต่แล้วเขาก็หยุดและบอกว่าไม่จำเป็นต้องถามแล้ว เพราะว่าพวกนั้นก็คงเป็นพวกดักฉุดผู้หญิงในที่ๆไม่มีคนนั่นเอง เขายังพูดกับคนพวกนั้นอีกว่า ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาคงไม่ห้าม แต่เพราะเป็นเรา เขาจะไม่ยอมยกให้เด็ดขาด พวกนั้นจึงถามชายหนุ่มว่า “แกละเป็นใคร ?” แต่เขาก็ไม่ยอมตอบ และ ย้ำว่าเราเป็น ผู้หญิง ของเขา ถ้ายุ่งกับเราละอย่าหาว่าเขาไม่เตือน

แต่แล้วพวกนั้นก็ไม่ยอมปล่อยเรา ชายหนุ่มจึงคิดว่า คงอยากเจ็บตัวกันมากสินะ และ บอกว่าพวกนั้นก็แค่แมลงรำคาญเท่านั้น เขาคนเดียวก็ถล่มได้ทั้งกลุ่ม และการต่อสู้กันก็เริ่มขึ้น โดยเขาใช้หมัดเข่าศอกล้มคนพวกนั้นจนหมด เขายังจะพูดได้อีกว่าฝีมือของคนพวกนั้นกับเขายังห่างกันนัก เหลือเพียงแต่คนที่ยังจับแขนเราอยู่เท่านั้น ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาเขา และบอกว่า อย่ามาเสียเวลากับเขาเลย และบังคับให้เขาปล่อยเรา (แทรคนี้โนบุจะพล่ามเยอะมาก แต่เนื้อหาก็ออกแนวสวมวิญญาณโนบุนางะ(เซ็งโกคุ)อยู่นั่นแล)

แต่แล้วคนที่จับแขนเราอยู่ก็จุดไฟขึ้นมา และบอกว่าถ้าเขาก้าวเข้ามาอีกเขาจะเผาเราจริงๆด้วย ชายหนุ่มจึงชักดาบออกมา และบอกว่าจะเผาเราก็เผาไปเลย (ป๊าดดดดด) แต่ว่าถ้าเผาเรา เขาก็จะฆ่าทิ้งพร้อมสาปแช่ง โทษฐานที่มาทำลายของของเขา ทำให้อีกฝ่ายชักจะลังเล(สงสัยจะกลัวดาบ เพราะในปัจจุบันเขาไม่พกดาบกันแล้ว) แต่แล้ว ชัยชนะก็เป็นของชายหนุ่มจนได้ หลังจากที่สู้กันได้อยู่สักพัก จนอีกฝ่ายวิ่งหนีไป

เมื่อคนกลุ่มนั้นหนีกันไปหมดแล้ว โนบุนางะก็เก็บดาบไป เขาก็บ่นว่าคนพวกนี้ก็ได้แค่กร่างหลอกฉุดสาวไปวันๆเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันมาหาเราที่ยังอึ้งทำอะไรไม่ถูก เขาบอกให้เราเงียบและตามเขามาเฉยๆก็พอ เพราะเราเป็นสมบัติของเขา เขาจะทำอย่างไรกับเราย่อมได้ สุดท้ายเขาก็พาเราไปยัง........

Track 2 開物成務 เริ่มพิธี

โนบุนางะพาเรากลับมายังบ้านของเขา เรายังยืนลังเลอยู่หน้าห้องนอน  โนบุนางะจึงดึงเราเข้าไป และถามว่า กลัวการได้อยู่กับเขาสองต่อสองมากเลยหรือไง ? เราก็สังเกตว่าทำไมมันมีชุดกิโมโน (ไว้สำหรับแต่งงาน?)อยู่ในห้องนั้นด้วย เขาจึงถามเรากลับว่า “จำไม่ได้หรอกหรอ เรื่องที่เธอต้องมอบคืนแรกของเธอให้ฉัน” จริงๆแล้วเขาต้องเป็นคนพาเรามาและให้เราเลือกหนึ่งในพี่น้องของเขาที่จะได้คืนแรกของเราไป แต่ว่า... เขานี่เองที่จะเป็น”ผู้ชาย”คนแรกของเรา พวกน้องชายของเขาไม่มีใครที่เหมาะกับเราสักคนหรอก (บังคับชัดๆนี่หว่า....) และเขาก็กล่าวเริ่มพิธี แล้วบอกว่าเราร้องเรียกในใจอยู่แล้วใช่ไหมละว่าให้ทำเร็วๆ โนบุนางะเตือนเราอีกว่า “ห้ามขัดขืนเด็ดขาด ถ้าขัดขืนชั้นจะใช้ดาบของฉันทำให้เธอขยับไม่ได้ตลอดชีวิตเลย...” ซึ่งสิ่งสำคัญของเขาคือการมีชีวิตอยู่ของเราเท่านั้น (หมายถึงว่าถ้าชั้นฆ่าเธอทิ้งแล้วฉันก็จะฆ่าตัวตายตาม จะได้ไปเจอกันในนรกต่อ 5555+)

และแล้วโนบุก็ออกคำสั่งให้เราไปนอนบนเตียง และบอกว่าเขาพูดอะไรเราต้องทำตามทันที เพราะทุกอย่างเป็น”คำสั่ง”ที่เราต้องทำตาม แต่เราก็ยังขยับตัวอยู่ โนบุจึงนึกว่าเราจะพยายามหนี เขาจึงชักดาบออกมาเล็กน้อย แต่เราก็แก้ตัวว่าเป็นแค่ ”จะถามว่าเราต้องทำยังไงบ้าง” เขาจึงบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด แต่ต้องใช้ “ท่าที(ร่างกาย)” เท่านั้น หลังจากนั้นโนบุนางะก็ให้เราหันไปหาเขาและก้มหัวให้”เจ้านาย”ของเรา และบอกว่าถ้าเราทำดี เขาก็อาจจะอ่อนโยนเพียงเล็กน้อยให้เราก็ได้ เพราะอย่าหวังเลยที่เขาจะนิสัยเหมือนผู้ชายคนอื่น ยิ่งเป็นครั้งแรกของเราแล้วด้วย

แต่เราก็ยังพยายามจะขัดขืน เขาจึงเข้ามาจับตัวเราไว้และมากระซิบข้างหูว่า หากคิดจะหนี เขาก็จะทำให้เรารู้สึกเสียใจทีหลังที่หนีเขา เพราะผู้หญิงที่ไร้เดียงสาที่เดินตามเขามาจนถึงห้องแบบเรา คงไม่ต้องอธิบายอะไรให้เราฟังอีกแล้ว แต่เรายังดิ้นขัดขืนต่อไปเรื่อยๆ เขาก็คอยจับไม่ให้ดิ้น และบอกว่าถ้าพระเจ้าไม่มาช่วยอีก ก็ต้องอยู่ในการคุ้มครองของเขาแล้วหละ และจริงๆแล้วเราไม่ได้ตั้งใจขัดขืนตั้งแต่แรกหรอก ภายในหน้ากากของสุภาพสตรีก็คือผู้หญิงที่เริงร่านอยากจะเสียท่าให้เขาไวๆเท่านั้น เราก็เริ่มตาแดงๆเหมือนจะร้องไห้ แต่มันก็ยิ่งทำให้เขายิ้มมากกว่าเดิม เพราะคิดว่าน้ำตานั้นมันเป็นน้ำตาแห่งความยินดีมากกว่า เราก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เขาก็หาว่าเราโกหกอีก

แต่เมื่อเห็นเราร้องไห้ออกมา โนบุนางะจึงชะงัก เขาส่ายหน้าให้ความคิดที่ว่า น้ำตาจะช่วยให้ทุกอย่างจบ ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด และเขาบอกว่า น้ำตาไม่ได้ทำให้เขาสงสารเราหรอก ยิ่งเราร้องไห้ ก็ยิ่งจะเชิญชวนเขามากขึ้นเท่านั้น ต่อให้เศร้า ต่อให้ร้องไห้มากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนชะตากรรมของเราได้ และเขาก็จะไม่ยอมให้พี่น้องคนไหนมาแย่งเราไปได้ และย้ำเรื่อยๆว่า เราเป็นของเขาเท่านั้น ถ้าไม่...เขาก็จะฆ่าเราซะ..... และ กระซิบต่อว่า ถ้าเรายอมเขา เขาก็จะให้ “ความสุขที่ผู้หญิงต้องการ” กับเรา

หลังจากนั้น โนบุนางะจึงสั่งเราให้ถอดเสื้อ แต่เราก็ยังลังเลอยู่ เขาจึงถามว่า ไม่กล้าถอดเสื้อต่อหน้าเขาละสิ เพราะคงมีอะไรแอบซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้านั้น เขาจึงบอกว่าถ้าอยากให้เขาแสดงความจริงใจของเขา เราต้องเผยความจริงใจให้เขาเห็นก่อน โนบุนางะเริ่มบังคับให้เราถอดเสื้อไวขึ้นด้วยการเอาชักดาบมาตัดเสื้อผ้าเราออก (แต่ไม่โดนเนื้อ) เราจึงยอมถอด แต่เพราะมือที่สั่นจนถอดไม่ได้ โนบุนางะจึงบอกว่าเดี๋ยวเขาจะช่วยเราเอง ก่อนที่จะใช้ดาบตัดออก โดยไม่กลัวว่าดาบจะโดนผิวเราหรือไม่ เมื่อเสื้อผ้าหลุดไปหมดแล้ว เขาก็บังคับให้เอามือที่บังไว้ออกด้วย หรือต้องให้เขาเอาดาบฟันออก (?) เราจึงยอมทำแต่โดยดี

สักพักโนบุนางะก็เข้ามาสัมผัสที่ตัวเราเพื่อให้แน่ใจว่าเราไม่ได้ซ่อนอะไรเอาไว้ แต่ยิ่งสัมผัสเขาก็ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เขาให้เราลองเชิญชวนเขา เราก็ถามว่าทำยังไง เขาก็บอกให้เราใช้สมองดูสิ “จะทำอย่างไรให้เจ้านายของเขาพอใจ?” และผลักเรา เราก็เลยร้องไห้ออกมาอีก เขาก็บอกว่าจะร้องไห้ทำไม ทั้งๆที่บอกไปเมื่อกี้ว่าให้เราทำอะไรก็ได้ให้เจ้านายพอใจแท้ๆ แต่ว่าเขาก็จะละเว้นให้ แต่ถ้าหากทำท่าน่าสังเวชแบบนี้อีกละก็....//ชักดาบ แล้วเขาพูดออกมาว่า เราเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะทำให้เขาชนะพวกน้องๆของเขาได้ และเข้ามาลูบไล้ร่ายกายของเราอีก แต่ทุกครั้งที่เขาสัมผัสเรา เราก็สะดุ้งเรื่อยๆ โนบุนางะยิ้มอย่างพอใจ เขาบอกว่าอาการแสดงความกลัวของเราสามารถเติมเต็มด้วยการเสียท่าให้เขาแค่นั้นก็พอแล้ว เพราะยิ่งเรากลัว เขาก็ยิ่งจะสลักความมีตัวตนของเขาให้กับเราไปเรื่อยๆจนทุกซอกทุกมุม ทั้งตัวและหัวใจ เอาให้เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขาเลย....

Track 3 絶体絶命 เข้าตาจน


แต่ในขณะที่อะไรกำลังจะดำเนินต่อไป เราทั้งสองก็ได้ยินเสียงเคาะประตู คนรับใช้นั่นเอง เราถามว่าต้องออกไปเปิดรึเปล่า โนบุนางะบอกว่าไม่จำเป็น หรือถ้าจะไปก็ไม่ว่าอะไร แต่เขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมา มันอาจจะสนุกก็ได้ เขาจึงสั่งให้เราเดินไปที่หน้าประตู แต่ ! ต้องเดินไปทั้งที่ยังที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า ตอนแรกเราไม่ยอม แต่เพราะโนบุจะชักดาบออกมา เราจึงยอมแต่โดยดี พอเราเดินไปที่หน้าประตู โนบุก็เดินตามเรามาด้วย และกระซิบให้เราถามคนรับใช้ว่าต้องการอะไร แต่ถ้าขอความช่วยเหลือละก็อย่าหวังเลย และถ้าเราขัดคำสั่งเขาละก็....เขาก็ชักดาบออกมาอีก (ไอ่นี่แม่มชักดาบตลอด 5555+) และบอกว่าคมดาบอาจจะตรงมาที่คอของเราก็เป็นได้ โนบุนางะหัวเราะเล็กๆ และกำชับให้เรายอมรับสิ่งที่เขาทำเสีย....

หลังจากคุยกับคนรับใช้(ผ่านประตู)ได้สักพัก เราก็มาบอกโนบุว่าคนรับใช้จะเอาน้ำมาให้ โนบุก็พยักหน้าและบอกว่าหลังจากพิธีไปแล้ว คออาจจะแห้งก็เป็นได้ ฝากให้เราไปบอกคนรับใช้ว่าเขาเอา”ลาเต้ชาเขียว” และหากทำน้ำไม่ถูกปากเขามา เขาจะฆ่าทิ้งทันที และย้ำอีกว่าถ้าหากเราขัดคำสั่งเขา ถ้าตอนนี้เขาเปิดประตูออกไป คนรับใช้ก็คงจะเห็นเราในสภาพตอนนี้แน่นอน แต่ไว้ใจได้ เพราะคนรับใช้ที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว พอเขาเข้ามาในห้อง ไม่ว่าจะเจออะไรเขาก็ต้องทำเป็นไม่สนและมองผ่านอยู่แล้ว และอยู่ดีๆโนบุก็คิดอะไรแปลกๆออกมาอีก เมื่อเขาตั้งใจให้เรากลายเป็นคนรับใช้แทน (ไอ้นี่สัปดนเว้ย ตรูหนาว 555+ -- คนรีวิว) เพราะถ้าเรากลายเป็นคนรับใช้แล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องจ้างคนใช้อีกต่อไป

แต่แล้วโนบุนางะก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน เขาเลื่อนมือมาสัมผัสร่างกายของเราอีก และ ถามว่าตอนนี้ “อยาก” มากใช่ไหมละ ? และให้เราลองสัมผัส(....)ด้วยตัวเอง และถามว่าตอนนี้มันเป็นยังไง ? สัมผัสไปเรื่อยๆก็ถามเรื่อยๆว่าสิ่งนี้มันคืออะไรบ้าง และบอกว่าเรานี่มองยังไงก็เป็นผู้หญิงที่สกปรกและสัปดนจริงๆ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รังเกียจผู้หญิงแบบนี้นัก เพราะว่าจะได้ทำอะไรสนุกๆกันเยอะหน่อย โนบุนางะบอกให้เราเผยความต้องการออกมา และ คุกเข่าขอร้องเขา หากเราต้องการจะเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ก็ต้องยอมรับชะตากรรมนี้ไว้ด้วย เขามองหน้าเราและถามว่าที่เราทำหน้าแบบนี้เพราะต้องการเขามากสินะ แต่มันก็ไม่แปลก เพราะเขาเป็นผู้ชายที่โลกได้กำหนด(ให้มาเป็นคู่เรา)มาพอดีอยู่แล้ว

Track 4 落花流水 รักร่วมกัน

หลังจากนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา โนบุก็ให้เราเดินไปตรงหน้าเขาและให้เราคุกเข่าลง และ ถอดเสื้อผ้าของเขาออก (ถอดหมดเลยหรือถอดแค่กางเกงนี่คนรีวิวก็ไม่แน่ใจนะเคอะ 5555+) เราก็ทำตาม แต่แค่ถอดไปแค่กางเกงเท่านั้น โนบุก็บอกว่าถอดแค่นี้ไม่พอหรอก (ต้องถอดให้หมด) เมื่อถอดออกหมดแล้ว เขาก็ถามว่าร่างกายเขากำยำถึงขนาดกลืนน้ำลายเลยไหม? เราก็หน้าแดงพยายามหลบตา โนบุจึงบังคับให้เราจ้องไปที่ร่างกายของเขา ถ้าขัดขืนเขาจะไม่ยกโทษให้ และ โนบุก็ให้เรายื่นมือออกมาสัมผัสเขา เราก็ทำตาม ทำไปเรื่อยๆเขาก็ครางเล็กน้อย และ บอกว่าแค่ใช้มือไม่พอหรอก (ใช้ปาก ??) ให้เราเชิญชวนเขาให้มากกว่านี้ และเมื่อทำไปเรื่อยๆ เขาก็บอกว่าเราช่างร้อนจริงๆ (ปากร้อนสินะ โดนลวกมา 5555)

แต่เราก็ทำๆหยุดๆ ด้วยความกลัว โนบุจึงบอกให้เราหยุด และ บอกว่าคิดว่าทำแบบนี้ มันจะทำให้เขามีใจทำให้เราเต็มอิ่มหรือยังไง ? แต่เขาก็ตัดบทและบอกว่าเขาไม่สนใจแล้ว ต่อไปจากนี้ให้เราเตรียมรับตัวเขาได้เลย ไม่ทันคาดคิด โนบุก็ผลักเราลงบนเตียง และตามประกบ เขาก็ถามว่ากลัวทำไม ทั้งๆที่เราก็หนีไปไหนไม่พ้นอยู่แล้ว ให้เราอยู่เฉยๆและยอมเป็นของเขาแต่โดยดีดีกว่า และเราก็คงไม่อยากให้ถูกเขาเกลียดด้วย แล้วโนบุก็บังคับให้เราอ้อนวอนเขา เราก็ทำตามที่เขาบอก โนบุก็ยิ้มพอใจ โดยบอกว่า ทุกอย่างของเราเป็นของเขา และคนที่กำหนดชีวิตของเราไม่ใช่พระเจ้า แต่เป็นเขา เท่านั้น !
หลังจากนั้นโนบุก็สัมผัสเราอีกครั้ง ทำให้เขารู้ว่าร่างกายเรากำลังเรียกร้องเขาอยู่ด้วยความร้อนในร่างกายที่ส่งผ่านมายังปลายนิ้วของเขา ทั้งที่เราพยายามปฏิเสธ แต่โนบุก็สัมผัสเรื่อยๆ และบอกว่าทั้งๆที่ร่างกายเราก็เป็นแบบนี้แล้วยังจะแก้ตัวอีก แต่ไม่นาน ปลายนิ้วที่รุกล้ำไปทั้งร่างของเราก็หยุด และ สังเกตว่าเราเริ่มยอมรับเขาทั้งกายและใจแล้ว เขาจึงเริ่มดำเนินพิธีต่อไปทันที (โดยขอตั้งชื่อว่าช่วง สะโพกพัง 5555+)

โนบุกระแทก(สะโพก)เข้าหาเราไม่นับครั้งและพร่ำว่าในที่สุดเราเป็นของเขาจนได้ และ เขาจะแบ่งความสุขให้กับเรา และให้เราชิมรสความสุขจากเขาให้สมใจ ขยับไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากของเขาก็จูบที่ริมฝีปากที่เขาบอกว่าแสนหวาน และ จูบไปเรื่อยๆ พร่ำไปเรื่อยๆว่าเขาจะทำให้เราได้รับรู้ถึงความสุขให้มากขึ้นไปอีก เราเริ่มร้องไห้ เขาจึงบอกว่าร้องไห้แบบนี้เขาไม่ยกโทษให้หรอก ก่อนที่จะหยุดทำ และ พาเราออกไปข้างนอก เราก็ถามว่าจะไปไหน เขาจึงบอกว่าเขาจะให้เราไปร้องเสียงดังให้ทุกคนในบ้านได้ยินว่าเราเป็นของเขาแล้ว “ที่ในสวน”

เมื่อโนบุลากเรามาจนถึงในสวนแล้ว เขาก็ผลักเราลงกับพื้น และ บอกว่าเราในท่าแบบนั้นก็ดูดีเหมือนกัน เขาบอกเราว่าต่อให้เราต้องการอะไรเขาจะไม่จัดให้อยู่แล้ว เพราะ เขาจะยกโทษให้เราถ้าเราคุกเข่าอ้อนวอนเขาเท่านั้น แต่เราก็ไม่ยอมทำ เขาจึงเดินมาหาเรา และก้มลงหาเรา บอกกับเราอีกว่าคนที่ไม่เชื่อฟังเขา มันต้องได้รับการฝึกฝนแบบนี้

โนบุเริ่มใช้มือของเขาตีที่บั้นท้ายของเราสองสามครั้ง และหัวเราะ เขาบอกว่านี่หละเป็นบทลงโทษที่ดีที่สุดสำหรับเรา ตีไปอีกเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เขาเริ่มมีอารมณ์ขึ้นด้วย เพราะผิวของเราเริ่มเปลี่ยนสี เริ่มสั่นไหวด้วยความรู้สึกดี ตีไปอีก ผิวก็เริ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อ เขาจึงสังเกตว่าเราเริ่มจะเชิญชวนให้เขามา”กิน”เราแล้ว และ เขาก็บอกว่าจะกินเราไม่ให้เหลือเลย

และสะโพกมาราธอนก็เริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง กระแทกไปเรื่อยๆโนบุก็บอกให้เราร้องให้ดังขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งขยับก็ยิ่งบังคับให้ร้อง และขู่ว่าหากไม่ทำตามคำสั่ง นั่นหมายถึงว่าเราพร้อมจะยอมตายด้วยดาบของเขา เขากระแทกไปพร้อมกับแลกจูบกลบเสียงของเขาไปด้วย เราก็เริ่มร้องด้วยความเจ็บ โนบุยิ่งพอใจมากขึ้นไปอีก เพราะยิ่งเราร้องก็ยิ่งทำให้น้องๆของเขาและคนในบ้านเห็นเราและเขาตอนนี้ และมันก็จะทำให้พวกน้องๆไม่กล้ายุ่งกับของๆโนบุอีกต่อไปแล้ว โนบุขยับไปเรื่อยๆด้วยความสะใจ เขาหัวเราะดังลั่นเมื่อเห็นภาพเหล่าน้องๆที่จ้องมายังเราทั้งคู่ และแทรคก็จบไป

Track 5 安楽浄土 ดินแดนแห่งความจรรโลง

หลังจากเสร็จพิธียึดคืนแรกที่จะแสนจะหนักหน่วง เรากับโนบุก็กลับเข้ามาในห้อง โนบุดื่มน้ำไปด้วยความพึงพอใจ ที่สิ่งที่เขาต้องการสำเร็จ ทั้งการที่ได้แสดงให้น้องๆของเขาและคนในบ้านเห็นว่าเราเป็นของเขาแล้ว นั่งคุยไปเรื่อยๆ เขาก็สังเกตว่าหน้าเราเป็นสีแดงระเรื่อ ทั้งหู และ คอ โดยเฉพาะคอที่ถูกเขาสลักความเป็นเจ้าของจะมีรอยแดงเป็นพิเศษ และมันก็ทำให้โนบุคิดไปเองว่าเรา “เรายังต้องการเขาอีก” โนบุจึงวางแก้วลง และ บอกว่าเรานี่ไม่เลวเลยนะ และเปลี่ยนไปมาก จากสาวน้อยที่ไม่ตอบสนองกับอะไรเลย เขาขยับเข้ามาหาเราและกระซิบกับเราว่า ตอนนี้เขายอมรับว่า “เขารักเรา” แล้ว เพราะฉะนั้น ต่อแต่นี้ไป เราห้ามนอกใจหรือหักหลังเขาเด็ดขาด ถ้าทำหรือทำให้เขาแครงใจแม้แต่นิด เขาจะฆ่าเราโดยที่ไม่ต้องถามเลย ให้เราจำไว้ให้ดี ว่าเราเป็นของ ของเขา คนที่ทำให้เราดีใจหรือร้องไห้ มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น

เราก็พยักหน้าตอบรับ โนบุก็หัวเราะเบาๆ เขาจึงให้รางวัลกับเรา โดยการ จูบที่ริมฝีปาก จูบไปเรื่อยๆ เขาก็บอกว่าแค่นี้คงไม่พอสินะ เขาจะให้ของที่สุดยอดกับเรา โนบุจึงบรรเลงบทรักกับเราอีก และพร่ำไปเรื่อยๆว่าทุกอย่างของเราเป็นของเขา เขาจึงหวานกับเราแบบนี้ แล้วก็จูบอีกเรื่อยๆ พร้อมกับสะโพกที่ขยับไม่ยั้ง เขาบอกกับเราว่า แค่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหม ว่าเขาจะไม่ยอมยกเราให้ใครเด็ดขาด ต่อให้ตายไปตกนรก เขาก็จะตามเราไป หรือถ้าผู้ชายคนอื่นจะมาเอาชีวิตเขาไป เขาก็จะเผาบ้านหลังนี้ และ ตายไปพร้อมกับเรา เราก็หัวเราะ เขาก็พูดแปลกๆว่าน่าขำหรือไง ทั้งๆที่ในสมัยเซนโกคุพูดแบบนี้แล้วจะกลัวกันแท้ๆ หรือว่าเราอยากจะลอง “พังทลาย” ดูบ้าง ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เพราะของเล่นที่ไม่เคยขยับเขยื้อน มันน่าเบื่อจะตาย

แล้วโนบุก็เริ่มขยับสะโพกอีกรอบ และบอกว่าเขาจะสลักตัวตนของเขาลงกับร่างกายของเราให้มากกว่านี้ ขยับไปเรื่อยๆจูบไปเรื่อยๆ พร่ำไปเรื่อยๆ เราก็ขอร้องให้ขยับแรงขึ้นไปอีก โนบุจึงจัดให้ และ บอกว่าจะจัดให้จนกว่าจะถึงวันที่เราจะถูกทำลายไปด้วยกันเลย....

Track 6 ボーナストラック  by Shimazaki Nobunaga

เป็นฟรีทอล์คจาก โนบุนางะ ผู้รับบท โนบุนางะ ค่ะ (เอาแบบนี้นะ...เรียกชิมาซากิแล้วกันนะคะ จะได้ไม่สับสน 555+) โดยชิมาซากิจะเริ่มแนะนำตัวแบบเสียงเท่ห์ๆก่อน และ ค่อยมาแนะนำแบบใช้ดัมมี่ไมค์(กระซิบช้างหู) เขาบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของเขาเลยที่ใช้ดัมมี่ไมค์อัดเสียงในช่วงฟรีทอล์ค และนี่ก็บท โดะเอส ที่เขาไม่ค่อยได้พากย์ด้วย ชิมาซากิบอกว่าตอนแรกเขาก็งงๆที่ได้มีโอกาสมาพากย์ตัวละครโนบุนางะ แต่เขาก็สนุกที่ได้มาพากย์บทนี้ เพราะได้พากย์บทนักเรียนมัธยมแต่มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ถ้าคนฟังชอบบทแบบนี้ของเขา เขาจะดีใจมาก (ชอบดิ พากย์อีกนะ 18+ กรั่กๆๆๆๆ --- คนรีวิว)

แล้วชิมาซากิก็อ่านคำถามแรกจากทีมงานว่า “ฉากที่ประทับใจที่สุดในเรื่องคือฉากไหน ?”  ชิมาซากิก็ตอบว่าก็ชอบทุกฉากนะ แต่ที่เขาตอบสนองก็เป็นฉากปกติที่มีคำว่า “มัจฉะลาเต้” (แทรค 3) ซึ่งเขาก็อยากลองได้ยินเหล่าขุนพลเซ็งโกคุพูดคำว่า ”ฉันเอารอยัลมิลค์ที” ดูบ้าง คำถามต่อไปคือ ส่วนของตัวเองที่เหมือนกับโนบุนางะคืออะไร ? เขาก็บอกว่า ชื่อของเขาที่เหมือนกัน เป็นอันดับแรก แล้วก็ในนักรบเซ็นโกคุชอบใครมากที่สุด ? เขาก็บอกว่า ก็ต้องโนบุนางะสิ

คำถามต่อไปคือ ช่วยบอกความรู้สึกที่ได้พากย์กับดัมมี่ไมค์หน่อย เขาก็บอกว่า ช่วงนี้โอกาสได้พากย์กับดัมมี่ไมค์ก็เยอะมาก แต่ว่ามันก็ดีเพราะดัมมี่ไมค์ก็ทำอะไรได้หลายๆอย่างกับ”หู”ได้ด้วย ปกติเขาไม่ได้ตั้งใจเป่าลม แต่ทางทีมงานก็พูดเสมอว่า “เขาเป็นคนเป่า” อาจจะเป็นเพราะดัมมี่ไมค์ค่อนข้างสูงเพราะฉะนั้นก็ต้องระวังด้วย แต่เขาก็สนุกสนานกับการพากย์และการพูดว่า ฉันรักเธอ ด้วย (เห้ยยยยย *0*)

สุดท้าย เป็นข้อความที่ต้องการจะมอบให้โอโตเมะที่ฟังอยู่ ชิมาซากิจึงไปหยิบบทมา (โห โพยๆ 555+) และ ขยับเข้าไปใกล้ดัมมี่ไมค์ และพูดว่า “ขอบคุณมากที่อุดหนุนแวงกิช บราเทอร์ส ผมดีใจมากที่คุณได้ฟัง เสียงของพวกคุณที่เชียร์ว่า ได้ดูแล้ว หรือ ได้ฟังแล้ว ก็ยิ่งทำให้ผมดีใจและมีกำลังใจในการพากย์มากขึ้น ขอบคุณจริงๆ และเพราะคุณทำให้ ชิมาซากิ โนบุนางะ ได้มาถึงจุดนี้ในฐานะผู้รับบท และฝากตัวในโอกาสต่อไปด้วย และผมจะพยายามทำงานเพื่อให้คุณมีความสุขแม้เพียงเล็กน้อย ขอบคุณมากครับ (ขอบคุณเยอะจริง 5555+) ก่อนที่จะกล่าวจบไปด้วยการบอกว่า “พบกันใหม่ที่ไหนสักที่”

จบแล้วจ้า !!!!!!!!!!!!

- พูดคุยก่อนจบเอนทรี่จ้ะ -
แปลมานี่ รู้สึกทุกแทรคจะยากเหมือนกันหมดเลยนะ TT เพราะ หนุ่มในซีดีมันเป็นหนุ่มนักเรียนม.ปลายในปัจจุบัน แต่ดันสวมวิญญาณนักรบเซ็นโกคุซะงั้น... คำพูดก็เลยดูโบราณไปเลย ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็สามารถคอมเม้นหรือส่งเมสเซจมาแก้ได้เลยนะคะ เดี๋ยวจะรับไว้พิจารณาอีกทีค่ะ (ช่วยกันทำมาหากินนะต๊ะ คริกๆๆๆๆ ปุริ...) ส่วนสาวๆที่สงสัยว่าทำไมเนื้อเรื่องมันถึงประหลาดๆ คือ จะขอตอบว่า เพราะ เนื้อเรื่องเซตให้อยู่ในปัจจุบันทั้งหมดค่ะ แต่ตาพี่น้องมีชื่อนักรบเซ็นโกคุเนี่ย บ้านเค้าดูจะโบราณๆหน่อยไง แบบว่าท่านพ่อทิ้งสมบัติไว้ให้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเอานางเอกที่เป็นเจ้าหญิงมาเป็นเจ้าของให้ได้ ประมาณนี้ ตาโนบุนางะ คีย์เวิร์ดเขามันก็บอกอยู่แล้วอะนะว่า “โดะเอส” “สั่งสอน” “คิจิคุ(โฉด)” ก็...ไม่ต้องแปลกใจที่ตาโนบุจะทั้งตี ทั้งกระแทกใส่เราไม่ยั้งนะเคอะ 55555555555555555+

เจอกันเอนทรี่หน้าค่ะ !!! ปุริ

ปล. โวลุ่มสองตาชินเก็งแล้วนะ มาดูหนุ่มที่มองตาแล้วท้องดูบ้าง เสียงคักกี้ด้วย ตัวละครไม่ต้อง เสียงคักกี้ก็ขาดใจแล้ว 55555+

Wednesday, November 6, 2013

[เกือบจะได้สาระ] ว่าด้วยเรื่องเกมจีบหนุ่ม Prince of Tennis Gakuensai & Doki Doki Survival


สวัสดีค่ะ แหม่....ห่างหายจากบล๊อคไปนาน (นานที่ไหน วันก่อนเอ็งยังมาลงรีวิวซีดีอยู่เลย กรั่กๆๆๆๆ -- คนอ่าน)

เราเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงรู้จัก Prince of Tennis กัน บางคนอาจจะเคยอ่านการ์ตูนหรือดูอนิเมะ

ตัวเราเองยอมรับว่ารู้จักซีรีย์นี้มาได้เกือบปีแล้ว แต่ช่วงนี้ทำไมถึงรู้สึกว่าตัวเองบ้าพลัง กลับไปดูอนิเมะตอนเก่าๆ + ตามเก็บกาชาปองก็ไม่รู้ แถมพอรู้ว่า คักกี้ ได้พากย์อนิเมะเรื่องนี้ (ถึงจะพากย์เป็นตัวประกอบก็เถอะ) ใจมันก็เต้นตุบๆจนอยากดูเลยหละ 55555555+

ส่วนเกมซีรีย์นี้ออกมาหลายเวอร์ชั่น แล้วก็หลายภาค จนจขบ.ก็มึนไปเหมือนกัน แต่ก็เลือกมาเล่นเพียง 2 เวอร์ชั่นเท่านั้น (แอบเสียดายคักกี้ไม่มีนี่ดิ โฮววววววว) และเป็นเกมลงเครื่อง Nintendo DS ทั้งคู่ด้วย ภาคที่ว่านั้นก็คือ !!!

Tennis no Ouji-sama Motto Gakuensai no Oujisama (ขอเรียกสั้นๆว่า กักคุเอนไซ)
กับ
Tennis no Ouji-sama Gyutto! Doki Doki Survival Umi to Yama no Love Passion (เรียกสั้นๆว่าโดคิละกันนะ)

เป็นเกมที่ชื่อยาวที่สุดเท่าที่เคยฟังมาเลยนะเนี่ย เมื่อก่อนจะชอบตัวละครอยู่แค่ 2 ตัว คือ ชิไรชี่ กับ บุนจัง เท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ พอได้ดูอนิเมะ + เล่นรูทคนอื่นที่ไม่ใช่สองคนนั่นแล้ว ก็มีความรู้สึกว่า ชักจะมีฮาเร็มเพิ่ม 55555+ (ยิ่ง”จน”เพิ่มขึ้นด้วยมั้ง ตัวละครที่ผ่านรูทมา รู้สึกว่าจะได้รับความนิยมทุกตัวเลย เหอๆ)

คนแรกเลยที่จีบคือ Shiraishi Kuranosuke

เจ้าของประโยค “โอ้วววว เอกซ์ตาซี่ย์ !!!” พ่อหนุ่มกัปตันเจ้าของฉายา ไบเบิลแห่งชิเทนโฮจิ ตานี่ยอมรับว่าปิ๊งเพราะ “โฮโซยัน” พอเห็นว่าโฮโซยันพากย์ก็เลยทำความรู้จักนายนี่เป็นคนแรกเลย เกมทั้งสองภาคจะมาแนวเดียวกัน คือ ชอบคุยเรื่อง”พืชมีพิษ”มาก (ขนาดไปเดทในภาคกักคุเอนไซยังพาไปดูพืชมีพิษเลย - -*) แต่ฉากที่ชอบมากสุดในกักคุเอนไซคือ ฉากฟ้าผ่าแล้วนางเอกวิ่งไปกอดชิไรชี่ แล้วชิไรชี่ก็ถามว่า “ใช้แชมพูอะไร?” อ๊ากกกกกกก ทำไมคำถามแค่นี้ถึงทำให้คนเล่นอย่างดิฉันใจละลายขนาดนี้นะเนี่ยยยยยยยย (>////<) ชิไรชี่นี่รู้สึกจะเป็นผู้ชายที่เข้าหาง่ายดีนะ คิดว่าเพราะเหตุนี้ชิไรชี่ถึงได้รับความนิยมจากแฟนเกิร์ลเทนิปุริมาก + โฮโซยันไปด้วย เรตติ้งระเบิดตู้มเลย *0*

ส่วนภาคโดคิ ฉากที่ชอบจะเป็นตอนจบ (จริงๆก็ชอบหมดอะ 5555+) ที่ชิไรชี่ชวนเราอยู่ต่อทั้งๆที่เราจะขึ้นรถไฟกลับบ้านอยู่แล้ว แล้วเราบอกว่า “คุราโนะสุเกะซังโกวอิน” (คุราโนสุเกะซังชอบรุกจริงๆเลยนะ) แต่ชิไรชี่ก็ตอบกลับมาว่า “ซนนะโอเระโมะสุคิดาโร้ว” (ก็เธอชอบฉันแบบนี้เหมือนกันใช่มะ) จ๊ากกก รู้ได้ไง 5555+ ชิไรชี่คะ ถ้าเกมเทนิปุริทำเป็นเกม 18+ ได้ หรือ Cero สูงขึ้นมาอีกหน่อย บอกนะ อยากเห็นชิไรชี่โหมดหื่นมาก 555555555+

คนต่อมาที่เราจีบคือ Marui Bunta

หนุ่ม เทนไซเทคิดาโรย ผู้ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อคลายเครียด แห่งโรงเรียนสาธิตริคไค ตานี่ก็ยอมรับว่าชอบเพราะ “นาโอะซัง” พอมารู้จักแล้วก็ชอบมากขึ้นด้วย บุนจังนี่น่าจะเป็นผู้ชายที่จีบง่ายในชีวิตจริงๆนะ เพราะชอบคนที่ “เอาของกินมาให้” ทำให้จขบ.จิ้นกระจายว่าถ้ามีหนุ่มเอาของกินมาให้บุนจัง บุนจังจะรับรักป่าวนะ 555555+ ในภาคกักคุเอนไซ วันๆเจอบุนจังทีไรก็จะถามทุกทีว่า “มีของกินไหม?” จนบางทีก็ทำให้คิดว่า “นางเอกคงจะเป็นหน่วยส่งส่วยสินะ” บุนจังนี่เท่าที่จีบมารู้สึกจะเป็นผู้ชายที่คุยง่ายรองต่อมาจากชิไรชี่เลย แถมยังน่ารักในหลายๆมุมอีกด้วย

ในภาคโดคิ เนื่องจากไปติดเกาะ ไม่ค่อยมีอะไรให้กิน นางเอกก็ยังแสนดีหาวิธีทำของกินให้บุนจังกินอีก (นางเอกเกมนี้ช่างเทนไซเทคิจริงเว้ย คนเล่นยังนึกไม่ถึงเลย...) ฉากที่จขบ.ชอบในรูทบุนจังคือ ฉากที่บุนจังสู้ฉลาม(หุ่นยนต์)อะ จริงๆจะบอกว่า เท่ห์ดีนะ แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่า มันน่ารัก มากกว่า จะบอกว่าบุนจังไม่ได้หล่อ ไม่ได้เท่ห์ แต่น่ารักมากกว่า เลยทำให้ชอบบุนจังมากๆ รวมเสียงนาโอะซังเข้าไปด้วย ถ้าไม่ชอบชิไรชี่ที่สุด บุนจังก็อันดับ 1 ในเทนิปุริเลยหละ 55555+

คนที่สามที่เราจีบ Tooyama Kintarou

ไม่คิดใช่มั้ยว่าเราจะจีบคินจัง 55555+ ไม่รู้สิ ในภาคโดคิคินจังจะติดสอยห้อยตามชิไรชี่ตลอด (ให้ความรู้สึกชิไรชี่เป็นคุณแม่ของคินจังเลย 5555+) จริงๆคินจังดูจะเป็นเด็กหนุ่ม อุรุไซ (หนวกหู) มาก เจอทีไรก็โวยวาย “ชั้นหิววว” ทุกที และด้วยความใจดีกับคินจังของนางเอกนี่เอง ทำให้ค่าความชอบของชิไรชี่มันสูงขึ้นด้วย (สูงขึ้นจริงๆนะ ถึงจะเป็นในรูทของคินจัง) เล่นรูทคินจังนี่อดไม่ได้ที่จะต้องแวะเวียนไปหาชิไรชี่เพื่อถาม”ข่าวลือ”ตลอด แล้วพอเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ คินจังจะเริ่มแสดงอาการ “หึง” นางเอกออกมาอย่างได้ชัด แต่คินจังก็ลูกผู้ชายมากๆ เพราะให้นางเอกขึ้นหลังตั้ง 2 ครั้งแหนะ และ เป็นหนุ่มน้อยที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคกั้นขวางง่ายๆด้วย

ปล. รู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าคนที่พากย์คินจังเป็นผู้หญิง แต่คนที่เราไม่คิดเล้ยยยย ว่าคนพากย์จะเป็นผู้หญิง คือ.....

คนที่ 4 ที่เราจีบ Fuji Shuusuke

พ่อหนุ่มรุ่นพี่เทนไซ(อัจฉริยะ) แห่งเซย์กาคุ คนนี้ก็เล่นจบทั้งสองภาคแล้วเหมือนกัน เพิ่งมารู้เอาตอนที่เล่นภาคโดคิจบอะว่าคนพากย์คือ ไคดะ ยูกิ ซัง ผู้หญิงนะค๊า แอ่กกกกกกก ยอมรับว่าเล่นจบแล้วหลงฟุจิไปเลยจริงๆ ฟุจิทั้งสองภาคจะเป็นเหมือนกันคือ อ่อนโยน ชอบกินของหวาน แถมยังปากหวานอีกต่างหาก และคำคมของฟุจิในภาคโดคิคือ “ฉันไม่ได้เป็นอัจฉริยะด้านเทนนิส แต่ฉันมีพรสวรรค์ที่จะฮึดสู้ต่างหาก” แล้วพอมาดูอนิเมะ OVA ที่แข่งกับชิไรชี่ มันก็ทำให้เราเข้าใจความหมายที่ฟุจิพูดในเกมเลย เออ มันเป็นแบบนั้นจริงๆด้วย ต้องพยายามสิเนอะ....

ส่วนในภาคกักคุเอนไซ ก็ทำให้เรารู้อะไรเพิ่มเกี่ยวกับฟุจิ ฟุจิชอบต้นตะบองเพชรมาก แถมยังเอาต้นตะบองเพชรที่เขารักมาให้เราเลี้ยงดูต่ออีก (เออ ยูกิมุระก็ชอบทำสวน อุอุอุ เข้ากันได้เลยนะสองคนนี้) ส่วนฉากที่ชอบจะเป็นฉากที่ฟุจิจับมือแล้วชมว่า “มือเธอสวยจัง ฉันชอบมือที่ทำโน่นทำนี่แบบนี้นะ” อ๊ากกกกกก ฉันเข้าไปอยู่ในเกมฉันคงเขินตาย (โดดปล้ำเลยดีกว่า 555+ --- หื่นหวะ) ว่าแต่ ยิ้มอยู่อย่างนั้นตลอด ไม่เมื่อยมั่งเลยหรือไงเนอะฟุจิ 55555555+

คนที่ห้าที่เราจีบ Yukimura Seiichi

ยูกิมุระ กัปตันทีมริคไค ในภาคโดคิจะเป็นช่วงหลังจากที่ยูกิมุระออกจากโรงพยาบาลแล้ว ส่วนกักคุเอนไซยังไม่ได้เล่นนะเคอะ เพราะต้องจบริคไคคนใดคนหนึ่งก่อน ถึงจะจับ เอ้ย จีบยูกิมุระด้วย อือม ตอนแรกที่เล่นยูกิมุระก็ไม่ค่อยได้ชอบอะไรเท่าไหร่นะ ก็เล่นไปเรื่อยๆ แต่พอกลางเรื่องที่คุยกันเรื่องที่ยูกิมุระอยู่ในโรงพยาบาล ยูกิมุระเล่นเล่าให้ฟังแบบว่า “ตอนฉันอยู่โรงพยาบาลนะ ฉันเห็นคนที่พยายามมีชีวิตรอด แต่สุดท้ายเขาก็ล้มเหลว ทำให้ฉันคิดว่าการมีชีวิตอยู่มันเป็นสิ่งมีค่า และต้องใช้ชีวิตให้มีค่าทุกวันให้ได้เลยหละ” แล้วก็มีคำพูดอื่นๆซึ่งจำไม่ได้แล้ว แต่ก็แนวๆนี้หละ แต่เราก็คิดว่า ยูกิมุระนี่เป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ตอนสารภาพรักก็พูดว่า “ฉันไม่อ้อมค้อมละนะ ฉันชอบเธอ คบกันเถอะ” แบบ เหอ...คนอื่นนี่เค้าเท้าความยืดยาว (ชิไรชี่ก็พูด ชั้นนี่นะไม่เค๊ยไม่เคยกับเรื่องความรักเลย และบลาๆๆๆ กว่าจะเข้าเรื่องได้ 555+)  ยูกิมุระนี่สั้นดีจริงๆ 555+ ทำให้จบเกมก็หลงรักยูกิมุระไปอีกคนเลย แล้วมันได้อารมณ์มากเวลาดูอนิเมะ เข้าใกล้ยูกิมุระมากขึ้นจริงๆเมื่อได้เล่นเกม + ดูเมะ



ปล. เราแอบเข้าใจผิดว่าเซย์ยูที่พากย์ยูกิมุระเป็นหนุ่มเคะด้วยหละ คล้ายๆ 55555555+

ห้าคน...โอเคปะ จริงๆมีอีกคนนะ 55555555+ เบื่อยังอะ ???

คนที่หกที่กำลังจีบเขาอยู่ในภาคกักคุเอนไซ....
Niou Masaharu

จอมหลอกลวง (แล้วมันก็ชอบแกล้งเราเรื่อย แง่บๆ) เจอกันกับนางเอกทีไร ต้องขยี้หัวทุกที 55555+ ในภาคกักคุเอนไซ นิโอ้จะเป็นรุ่นพี่ของนางเอก(บุนจังก็ด้วยนะ) แต่ในภาคโดคิเนื่องจากไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน ไม่รู้ว่าอายุจะเท่ากันหรือไม่ ก็เลยเรียก “นิโอ้ซัง” แทน ขอเม้าซะหน่อยว่าตานี่ ชอบแกล้งคนอื่นในคอร์ทเทนนิสไม่พอ ยังชอบแกล้งสาวด้วยอะ แกล้งนี่ไม่ได้แกล้งธรรมดา แต่แกล้งแบบ”หน้าตาเฉย”มากๆ อย่างในภาคโดคินี่ ไปบอกนางเอกตอนกลางคืนว่าอยากกินโน่นนั่นนี่ นางเอกที่มาน “ชั้นทุ่มสุดตัว” อยู่แล้ว ก็ลงทุนเข้าป่าไปหาของมาทำให้นิโอ้กินเลย จนหลงทางในป่า ถ้านิโอ้ไม่ตามมาเจอ(เพิ่งรู้ตัวเรอะ) ก็คงจะไม่ได้เจอฉันอีกแล้ว 555555+

ส่วนในภาคกักคุเอนไซก็ไม่ธรรมดา มีอยู่ครั้งนึงที่นิโอ้ต้องเข้าไปจัดของในโกดังกับนางเอก แต่นิโอ้ก็บอกว่าเหนื่อยเลยขอออกไปพักผ่อน...... ไปพักผ่อนจริงๆนะแต่ พักผ่อนจนเผลอหลับไป ปล่อยให้นางเอกที่เก็บของในโกดังอยู่คนเดียว เจอความร้อนมากเกินไปจนเป็นลม พอนิโอ้กลับมาอีกทีก็เห็นว่านางเอกสลบไปแล้ว เป็นต้น แต่พูดแบบนี้ นิโอ้ก็มีมุมตลกเหมือนกันนะ คือนิโอ้เนี่ย ขี้อายมากๆ มีฉากนึงที่นิโอ้ปรึกษาเรื่องเรา กับยะกิว ยะกิวบอกให้นิโอ้ บุกโจมตีนางเอกเลย แต่นิโอ้บอก “ฉันไม่กล้าอะ” ฉากนี้ทำขำแทบตาย แล้วก็อีกฉากที่นิโอ้จะบอกรักนางเอก ยังต้องให้นางเอกหันไปข้างหลัง แล้วกอดแล้วบอกรัก แหม่ ขี้อายจริงๆนะพี่น้อง ตอนแรกเรานึกว่านิโอ้จะนิสัยแบบลุยๆไม่กลัวเสียหน้าซะอีก แล้วก็มีอีกฉากอันนี้ของภาคโดคิ ที่เราไปสืบข้อมูลมาว่านิโอ้ชอบสาวฉลาด มีไหวพริบ แต่นิโอ้บอกว่า เมื่อก่อนเขาก็คิดแบบนี้ แต่พอเขาได้มาอยู่ที่นี่แล้ว เขาก็คิดได้ว่าไม่ว่าสเปคของเขาจะเป็นแบบไหน ถ้าเขาชอบซะอย่าง ถึงเธอคนนั้นจะไม่มีคุณสมบัติที่เขาต้องการ มันก็ไม่สำคัญ อันนี้เราก็คิดว่าแฟร์ดีนะ เพราะสเปคมันก็แค่ความคิด ในชีวิตจริงยังไงเราก็ต้องเลือกคนที่ถูกใจเรามาก่อนแม้ว่าจะไม่ตรงเสปคก็ตาม อยู่แล้วหละ...



=========================

โม้นิโอ้ซะยาวเลย ขอเพิ่มเติมอีกนิด พูดถึงตัวเกมบ้าง เกมนี้เสียดายมากที่เรทแค่ Cero A เพราะอยากเห็นอะไรที่มากกว่านี้ กรั่กๆๆๆๆ แต่ยังไงก็ชอบเกมของค่ายโคนามิ เพราะซีจีมันทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าได้เป็นนางเอกจริงๆนั่นหละ เพราะจะมองไม่เห็นหน้านางเอกเลย แล้วก็ในซีจี ใบหน้าของหนุ่มคนนั้นจะซูมชัดแจ๋วแว๋วมาก เหมือนเขากำลังจะทะลุออกมาจากในจองั้นหละ *0* แต่ว่า...อยากได้ Cero ที่มันสูงกว่านี้จริงๆนะ 555555555+


คำเตือน : ทั้งหมดที่ว่ามานี้มาจากความทรงจำล้วนๆนะ ไม่ได้เปิดเกมไปด้วยเล่นไปด้วยแต่อย่างใด

ใครเคยเล่นหรืออยากเม้า คอมเม้นได้เลยค่า !!! จะคอยอ่านนะ...

ไปแบ้วก้า !!!!!!!!!!!!!!!!!!! ปุริ...

Thursday, October 31, 2013

[Review] Kareshi Igai Type D:Y Kare no Ani tono Ayamachi


- พูดคุยก่อนรีวิวกันหน่อยนะคะ -
ได้ไฟล์มาเมื่อวานซืน (ใครได้วันเดียวกะเราบ้าง กรั่กๆๆๆๆ) จริงๆอยากได้แผ่นแท้นะ แต่เดือนนี้ตังช็อตเพราะเอาไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า (แก้ตัวนี่หว่า) อ่าๆๆๆ ยังงัยก็ตาม เดือนหน้าก็จะจองซีดีคักกี้ละนะ....

โปรดระวัง :  เนื้อหา 18+ ถ้าเป็นฉาก 18+ เราจะป้ายสีขาวๆไว้นะคะ ถ้าอยากอ่านก็แบล๊คคุมกันเอาเองนะคะ


[Drama CD] 彼氏以外 Type D:X  彼の兄との過ち
CV. 桜ひろし (มาเอโนะ โทโมอากิ)
Release Date : 25 October 2013
ผลิตโดย : Cineria
Rate : 15+ (เหมาะสำหรับผู้ฟังอายุ 15 ปีขึ้นไป) (แต่ตอนนี้คนรีวิวแนะนำสำหรับคนอายุ 18 ปีขึ้นไปฟังนะคะ...)
อุปกรณ์เสริม : Dummy Head Microphone


ตัวละคร
Okada Ryouichi CV. Maenon เอ้ยยยย Sakura Hiroshi
นางเอก CV. คนฟัง
น้องชายของเรียวอิจิ, แฟนของนางเอก CV. ไผวะ 5555+



ปล.เราขอแทนตัวนางเอกเป็นคำว่า “เรา” นะคะ คนอ่านจะได้จิ้นตัวเองไปด้วย 555555+

Track 1 弟の恋人 แฟนของน้องชาย

แทรคนี้เป็นแทรคเกริ่นนำของเรียวอิจิ เขาบรรยายถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเจอที่คาเฟ่ เธอใส่ผ้ากันเปื้อนธรรมดา ผมที่รวบไปไว้ข้างหลัง แล้วก็ที่คาดผม ซึ่งไม่ต้องใส่เธอก็สวยอยู่แล้ว นิ้วเรียวนั้นวางถ้วยกาแฟตรงหน้าเขา เขาบอกตามตรงว่าที่เขามาที่คาเฟ่นี้บ่อยๆเพราะอยากจะเห็นแต่รอยยิ้มเธอคนนั้น และก็ยอมรับว่าเขาชอบเธอมาก แต่ที่เขาไม่บอกเธอไป...เป็นเพราะว่า เธอคนนั้น เป็นแฟนของน้องชายของเขาเอง....

Track 2 お気に入り พึงพอใจ

แทรคนี้เป็นแทรคก่อนที่เรียวอิจิจะได้รู้ว่าเราเป็นแฟนของน้องชายของเขา เขาเดินเข้ามาในร้าน และเราก็ต้อนรับรวมถึงรับออเดอร์เขาตามปกติ  เรียวอิจิสังเกตว่าวันนี้คนน้อยผิดปกติทั้งๆที่ปกติคนก็เยอะ แต่ก็มานึกออกว่าเขามาเร็วกว่าปกติ แต่เขาก็แก้ตัวว่าที่เขามาเร็วเพราะเดี๋ยวจะต้องไปประชุม และเขาก็บอกอีกว่า แม้เป็นวันหยุดเขาก็ไม่คิดจะไปที่อื่นเพราะที่นี่อาหารอร่อยที่สุด
ในเวลาต่อมา ในขณะที่เรากำลังเดินอยู่เราก็เกิดเดินตกท่อน้ำ (ลองนึกสภาพใส่ส้นสูงแล้วเดินตกท่อน้ำดิ 5555+) และเรียวอิจิที่ผ่านมาก็เดินมาช่วยพอดี เราก็บอกว่าเราไม่เป็นอะไรมาก เขาจึงถามว่าทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ แล้ววันนี้ไม่ทำงานหรือไง เราตอบว่าเพราะวันนี้เป็นวันหยุด เขาเลยพยักหน้าและบอกว่าวันนี้เขาต้องไปทำธุระที่อื่น ก็เลยไม่ได้แวะร้านเหมือนกัน และบอกว่าได้เจอกันแบบนี้มันช่างบังเอิญจริงๆ
หลังจากนั้นเรียวอิจิก็ชวนเราไปเดินเล่นกัน เพราะเหลือเวลากว่าจะได้ทำธุระอีกเยอะ เราก็ตกลง เขาจึงชวนเราไปร้านเค้กที่อยู่แถวนั้น...
หลังจากสั่งเค้กเสร็จ เขาก็แนะนำให้เรารู้จักชื่อเขาว่า “โอคะดะ เรียวอิจิ” เราก็เริ่มคุ้นๆชื่อว่านามสกุลคล้ายๆคนรู้จัก เขาก็เลยบอกว่าอาจจะบังเอิญก็ได้ (นามสกุลโหล กรั่กๆ) เราก็แนะนำชื่อเราบ้าง เขาก็ชมว่าชื่อเพราะดี เราก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยเพราะเคยแต่ยืนรับออร์เดอร์ เขาก็เลยเข้ามาใกล้ชิดกับเรา เลยเก้อเขินกันไปทั้งคู่ แล้วเขาก็ถามอีกว่าเราทำงานที่คาเฟ่นั้นมานานแค่ไหนแล้ว เราก็ตอบว่า 1 ปี เรียวอิจิเลยนึกออกว่าร้านนี้เปิดมาก่อนที่เขาจะเข้ามาทำงานที่บริษัทนี้อีก และที่รู้จักคาเฟ่นั้นได้เพราะเพื่อนชวน หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องเหตุผลที่ชอบคาเฟ่นั้น สุดท้ายเขาก็สารภาพว่าเขาชอบทุกอย่างแต่ที่ชอบที่สุดคือ “พนักงานที่นั่น” เราก็หัวเราะ เขาก็บอกว่าอย่าหัวเราะสิ อุตส่าห์ตอบแบบจริงใจ แต่บทก็ต้องตัดไป เมื่อพนักงานเอาเค้กมาเสิร์ฟ
หลังจากทานเค้กเสร็จ เราก็ขอบคุณที่เขาเลี้ยงให้ เขาก็บอกว่าไม่ต้องคิดมาก แต่เขาก็หลุดคำว่า “โอเระ” ออกมาบ่อยๆ (แทนที่เรียกตัวเองว่า โบคุ ตามปกติ) แต่เขาก็แก้ตัวกับเราว่าเราเจออะไรแปลกๆ เขาก็เจออะไรแปลกๆเหมือนกัน(หมายถึงตัวเราเอง) แต่เขาก็บอกว่า ล้อเล่นนะ และ ตัดบทโดยบอกว่า รอบหน้าเราต้องไปกินข้าวเย็นกับเขาอีกนะ เขาจึงนัดเราเจอกันพรุ่งนี้ตอนสองทุ่ม ก่อนที่แทรคจะจบไป....

Track 3 デート เดท

เมื่อถึงเวลานัด เราเดินออกมาจากร้านที่เราทำงาน และ ได้พบกับเรียวอิจิที่รอเราอยู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็เรียกแทกซี่ ในแทกซี่ เขาก็เริ่มบทสนทนาด้วยการชมว่าวันนี้ชุดสวยดีนะ แต่งมาเพื่อเขาสินะ เราก็ปฏิเสธ เขาก็บอกว่าขอโทษ และหันไปบอกให้แทกซี่หยุดรถ แต่แล้วแทกซี่ก็เบรกกะทันหัน ทำให้เขากับเราเสียหลักทั้งคู่ หลังจากรถหยุด เรียวอิจิก็เริ่มสังเกตว่าเขากำลังกอดเราอยู่ เราเลยรีบผละเขาออก เขาก็เลยขอโทษเราอีก และบอกว่าเขาได้กลิ่นน้ำหอมของเรา ทั้งๆที่ปกติที่ร้านเราก็ไม่ได้ใส่ เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรแค่จะบอกว่ามันเหมาะกับเราเท่านั้น
ในร้านอาหาร เรียวอิจิก็คุยกับเราไปเรื่อยๆจนเขารู้ว่าเรามีแฟนแล้วคบกันมาเดือนกว่า และแฟนก็นามสกุลเดียวกับเขาด้วย แต่เขาก็บอกเราว่าเขายังไม่มีแฟน เพราะเขาไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าไหร่ อีกอย่างที่บริษัทก็มีแต่ผู้ชายเสียด้วย คุยกันไป ดื่มกันไปเรื่อยๆ เขาก็เริ่มเมา และ เริ่มเล่าให้ฟังถึงผู้หญิงที่เคยทำงานที่ร้านอาหารนี้ เคยเป็นรักครั้งที่แล้วของเขา (ซึ่งเหมือนเราเด๊ะเลย) แต่เขาก็อกหัก เพราะเธอคนนั้นมีแฟนแล้ว
ไม่นาน เขาก็เข้ามาใกล้ๆเรา และถามเราว่า แฟนเรานิสัยอย่างไร ? ดีไหม ? แล้วเรารักเขามากแค่ไหน แล้วเขาจะมีโอกาสได้แย่งเรามาจากเขาได้ไหม แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มตั้งสติได้และกล่าวขอโทษเรา ที่เขาเมาแล้วพูดเลอะเทอะใส่เรา แต่เราก็ไม่ถือโทษอะไรเขา และ ดื่มเหล้ากับเขาต่อไป....
หลังจากที่ออกมาจากร้าน เขาก็กล่าวขอบคุณเราที่ออกมากับเขา ก่อนที่จะแยกกันไป เขาก็พูดกับเราด้วยคำว่า “ขอโทษ”

Track 4  残酷な偶然 ความบังเอิญอันโหดร้าย

ในขณะที่เรากำลังเดินอยู่ ก็มีโทรศัพท์เข้ามา แฟนของเรานั่นเอง เขาขอยกเลิกนัด(กินข้าว)เพราะงานยังไม่เสร็จ และให้ไปเจอกันตามแผนเดิมในวันพรุ่งนี้ (เสียงแฟนน่ารัก อร๊ายยยยย >v<\\) และเราก็เดินชนกับเรียวอิจิ เมื่อเห็นว่าแฟนมาไม่ได้ เรียวอิจิจึงชวนเราไปกินข้าวด้วยกันแทน (แต่เฮียแกก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าแฟนเราเป็นน้องเขานะ) และเขาก็เล่าให้ฟังว่าเขาอาศัยอยู่กับน้องชายแค่ 2 คน ช่วงนี้น้องชายก็งานยุ่ง เขาก็เลยต้องไปซื้อกับข้าวจากร้านสะดวกซื้อบ่อยๆ เขาก็ขอร้องให้เราเห็นใจไปทานข้าวกับเขา เราก็เลยตกลง
หลังจากทานกันเสร็จ เขาก็ยังชวนไปกินต่ออีก แต่ก็หยุดพูดไป เขาบอกกับเราว่า เขารู้อยู่เต็มอกว่าเรามีแฟนแล้ว แค่เขาอยากจะทำตัวเป็นเพื่อนกับเราแค่นั้นเอง เขาอาจจะใจร้ายไปบ้าง เพราะเขาเคยบอกเราแล้วว่าเขาชอบใบหน้าเราเวลากังวลใจที่สุด (แล้วก็มักจะเกิดอารมณ์เวลาเห็นสินะ กรั่กๆๆๆ - คนรีวิว) เราอาจจะไม่ชอบผู้ชายมีอะไรลึกลับแบบเขา หรืออาจจะ “ชอบ” ก็ได้... (เหยดด มาเอนนกระซิบ 5555+)
แล้วเรียวอิจิก็เปลี่ยนเรื่อง เขาชวนเราไปที่สวนสาธารณะจากบันไดที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา และถามว่าเราเคยไปหรือไม่ แต่ก็อาจจะเคยเพราะเป็นสวนสาธารณะที่ดังมาก และ ถ้าเกิดว่าเข้าไปที่นั่นแล้ว ถ้าเจอสถานที่ในนั้น คนที่ได้พบเจอก็จะมีความสุข เราจึงไม่รอช้ารีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังสวนสาธารณะนั้นทันที พอวิ่งมาถึงที่หมาย เรียวอิจิก็หอบหนัก (แก่แล้วก็เงี้ยะ 30 กว่าๆ กรั่กๆๆๆๆๆ) เพราะเราอยู่ดีๆก็วิ่ง เขาเลยตกใจ และถามว่าเราเจอสถานที่นั้นรึยัง เราก็บอกว่าอาจจะเป็นตรงที่เรายืน เขาก็บอกว่าผิดแล้ว และชี้ไปยังสถานที่นั้น เพื่อให้เราเดินไปตามทางที่เขาบอก เรียวอิจิหันมาบอกเราอีกเรื่องเกี่ยวกับตำนานของสถานที่นี้ คือ “ถ้าคู่รักคู่ไหนได้มาที่นี่แล้ว จะผูกพันกันตลอดไป” เราก็ทำหน้างงๆ เขาก็บอกว่าล้อเล่น และบอกว่าเลิกกังวลได้ เพราะความเชื่ออะไรนั่นมันไม่มีจริงหรอก
และเรียวอิจิ ก็พาเราเดินไปยังจุดชมวิว ที่มีทั้งวิวทะเลและท้องฟ้า เขาบอกว่าจุดที่ยืนเป็นจุดที่มองเห็นทุกอย่างชัดเจน และ เขาก็บอกอีกว่า ถ้าคู่ที่มาดูวิวกันตรงนี้แล้ว.... แต่เขาก็หัวเราะ และ บอกว่าล้อเล่นอีก เราก็บอกว่าคราวนี้โกรธจริงๆแล้ว เรียวอิจิเลยบอกว่า จนกว่าจะหายโกรธ เขาก็จะยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป เรียวอิจิถามอีกว่า พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเราจะมาเที่ยวกับเขาได้อีกไหม ? (แหม...ทำเป็นแฟนเราเลยนะคะ...) เราก็บอกว่าไม่ได้ เพราะพรุ่งนี้จะไปเที่ยวบ้านแฟนเป็นครั้งแรก เขาก็ทำเสียงเสียดายเล็กน้อย สักครู่เขาก็มายืนตรงหน้าและสบตากับเรา ดูเหมือนสติเขาขาดหายไปชั่วครู่ ในขณะที่ใบหน้าเขาก็เข้ามาใกล้เราทีละนิด แต่เขาก็ต้องชะงัก เมื่อรู้ตัวว่าข้ามเส้นเกินไปแล้ว หลังจากนั้น เขาก็พาเราไปส่งที่บ้าน และ แทรคก็จบไป...

Track 5 略奪、口づけ จูบแย่งชิง

ที่บ้านของเรียวอิจิในวันต่อมา มีเสียงกริ่งดังขึ้น เมื่อเรียวอิจิเดินไปเปิดประตูเขาก็ต้องอึ้งไป เมื่อผู้หญิงที่น้องชายบอกว่าเป็นแฟนและจะมาเที่ยวบ้านก็คือ“เรา”นั่นเอง เขากล่าวต้อนรับเรา และบอกว่าเราไม่ได้เข้าผิดบ้านหรอก ก่อนที่จะชวนเราเข้ามาในบ้าน เพื่อรอน้องชายที่ไปร้านสะดวกซื้อ (แกยังมีแอบบ่นว่าตาน้องชายนี่ไม่มีการดูเวลาเลย...) ไม่นานน้องชายก็กลับมาที่บ้าน (วร๊ายยยย ชอบเสียงน้องชายอะ อัยยะ...) เขากลับมาด้วยเสียงหอบและคำขอโทษที่ทำให้รอ ก่อนที่จะแนะนำเราให้พี่ชายเขารู้จัก ก่อนที่จะปลีกตัวไปอาบน้ำ เพราะเขาวิ่งมาจากร้านสะดวกซื้อ (หือวววว วิ่งสู้ฟัด กรั่กๆๆๆๆ)
เมื่อน้องชายวิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้ว (ยังจะวิ่งต่อ 555+) เรียวอิจิก็ยังไม่เลิกบ่นเรื่องน้องชายของเขา ก่อนที่จะหันมาบอกเราว่า ไม่คิดมาก่อนว่าเราจะเป็นแฟนของน้องชายเขา แต่เขาก็ตะขิดตะขวงใจมาตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งนามสกุลที่เหมือนกัน และน้องเขายังบอกอีกว่าคบกับแฟนใหม่มา 1 เดือนแล้ว เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ และพูดว่า เขาไม่ควรจะแตะแฟนของน้องชายสินะ...แต่เพราะเขาไม่เคยตัดใจจากเราได้เลย เขาก็เลยลำบากใจ....
ทันใดนั้น ! เรียวอิจิก็ตรงเข้ามาหาเรา และ จับเรา “จูบ” ทันที เราก็พยายามขัดขืนและพยายามหนี แต่เขาก็บอกว่าจะไม่ให้หนี ถ้าเกลียดนักก็ร้องเสียงให้ดังเลย แต่เราก็ไม่ยอมร้อง เขาจึงถามว่าทำไมถึงไม่ร้อง กลัวน้องเขารู้หรือไง ? หรือว่า ไปถึงไหนต่อไหนกับน้องชายเขาแล้ว ? เราก็ส่ายหน้า ทำให้เขารู้ว่า เราไม่เคย “มีอะไรลึกซึ้ง” กับน้องชายของเขาเลย และ ถ้าเขาจะได้เราก่อนน้องชายเขาละ จะมีใครคิดอะไรยังงัยนะ...
แต่การจูบก็ต้องจบลง เมื่อน้องชายเดินออกมาจากห้องน้ำ ทำให้ทั้งสองผลักออกจากกัน  น้องชายที่ไม่รู้อะไรเลย ก็ยังย้ำอยู่ตลอดว่า เราเป็นแฟนของเขา แต่เรียวอิจิก็บอกว่า “ไม่ต้องย้ำก็ได้น่ะ...” ก่อนที่เขาจะเดินออกไป.....

Track 6 ……愛し合う ......รักกัน

หลังจากที่เราทำงานเสร็จแล้ว เราก็กำลังกลับบ้าน และ วิ่งชนกับเรียวอิจิที่ไม่ได้เจอกันนาน 1 อาทิตย์ เรียวอิจิบอกว่าที่เขาไม่ได้ไปที่คาเฟ่ที่เราทำงานเลย เพราะเขามัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่เวลาไปแวะที่คาเฟ่ (แต่ที่จริงเฮียแกน่าจะกำลังทำใจมั้ง...) และก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ เพราะที่เขาไม่ไปหาเรา เพราะเขาไม่อยากเห็นหน้าเรานั่นเอง แต่เขาก็ยังชวนเราไปเดินเล่นต่อ
ระหว่างที่เดินเล่นด้วยกัน เขาก็ชมวิวทะเลไปเรื่อยๆ และ บอกว่าเขาไม่คิดว่าเราจะเรียกเขาตอนนั้นเลย เพราะมันจะทำให้เขาเข้าใจผิด เราก็ถามว่าเข้าใจผิดว่าอะไร เขาก็ตอบว่า “เข้าใจผิดที่ว่าเราก็แอบมีใจให้เขาเหมือนกัน” และเราก็ชอบหลบตาเขาอยู่เรื่อยด้วย เขาบอกว่าเราไม่รู้ตัวเลยหรือไงที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น
และเขาก็ถามเราว่า รู้จักน้องชายของเขาได้อย่างไร เขาก็บอกว่า เจอกันระหว่างไปทำงาน เขาก็เลยเดาว่าคงเป็นรักแรกพบสินะ และเขาก็หันมาบอกเราว่า เราก็เป็นรักแรกพบของเขาเหมือนกัน และ สุดท้ายเขาก็สารภาพว่าเขารักเรา แต่เพราะเขากลัวว่าถ้าเจอกับเราอีก เขาคงอดใจไว้ไม่ไหวแน่นอน เขายังถามเราอีกว่า ถ้าเราเจอเขาก่อนน้องชาย เราจะรักเขาได้ไหม ?
เรียวอิจิเข้ามากอดเรา เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมาชอบเราด้วย ทั้งๆที่เป็นแฟนของน้องชายแท้ๆของเขา และเขายังกลัวว่าการที่เขาทำแบบนี้ มันจะทำร้ายจิตใจของเราด้วยหรือไม่ แต่เราก็ยังไม่ตอบ เรายังยืนเงียบอยู่แบบนั้นด้วยความสับสน
ไม่นานฝนก็ตกลงมา เรียวอิจิเลยชวนเราไปหลบฝน โดยไม่ลืมให้เราถอดรองเท้าส้นสูงก่อนด้วย แต่เราก็วิ่งพลาด ล้มลงไป และลุกไม่ไหว เขาเลยอุ้มเราขึ้น และ วิ่งต่อไป...
เมื่อเข้ามาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง เขาก็เปิดห้อง และ เข้าไปพักก่อน เขาบอกให้เรารีบเปลี่ยนเสื้อ ก่อนที่จะไม่สบาย แต่เราก็ไม่ยอมถอด เขาเลยบอกว่าถ้าไม่เปลี่ยน เดี๋ยวพอเข้าร้าน(?)ไปก็ลำบากเปล่าๆ หรือว่าที่เราไม่ยอมเพราะเพิ่งเคยเข้าโรงแรมเป็นครั้งแรก? (โหย...ลากเข้าเรื่องแบบนี้ตลอด กรั่กๆๆๆๆ) เขาเข้ามาใกล้เรา และบอกว่าที่เขาทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เพราะนี่มันเป็นนิสัยชอบรุกของเขานี่เอง และเขาก็เป็นห่วงสุภาพของเรามากๆด้วย แต่...ถึงแม้ว่าจะพูดอะไรออกไป มันก็ไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกในใจของเขาไม่ให้แสดงออกได้เลย
ไม่นาน เขาก็เข้ามาสวมกอดเรา และ บอกว่า “เขาต้องการเรา” ถึงแม้ว่าจะต้องหักหลังน้องชายของเขาก็ตาม แต่เขาอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีเรา เขารักเรา ยิ่งรักก็ยิ่งเจ็บปวด แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เรียวอิจิจูบเรา และ เขาจะไม่รอคำตอบเราอีกแล้ว เพราะไม่ว่าเราจะตอบอะไร เขาก็หยุดตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาจูบไปเรื่อยๆ และบอกว่ามีอีกอย่างของตัวเขาที่น่าอาย คือ เขาคิดตลอดว่าน้องชายของเขาทำอะไรกับเขาแล้วบ้าง และถามว่า “เราได้นอนกับน้องชายเขารึยัง?” (โซยเนะ ? //โดยสอยร่วง) แต่ไม่ต้องตอบเขาก็ได้ เพราะเขารู้แล้วว่าคนรักกันมันก็ต้อง “ทำแบบนั้น” กันแล้วเป็นเรื่องปกติ (เอ่อ ไม่จริงนะคะพี่เรียวขา นู๋มีแฟนนู๋ยังไม่ยอมให้มันจับมือเลย 5555+) พูดไปเรื่อยๆก็จูบไปเรื่อยๆ ก็ถามเรื่อยๆว่าน้องชายทำอะไรเราบ้าง สัมผัสเราอย่างไร ใช้ลิ้นทำให้พึงพอใจอย่างไร และ ทำร้ายไปถึงข้างใน(?)อย่างไร แค่เขาคิดเขาก็เครียดจนทนไม่ไหวแล้ว และเขาก็จะลงมือกับเราตอนนี้เลย ก่อนที่จะพาเราเข้าห้องน้ำไป....
(ต่อจากนี้ขอป้ายสีขาวยาวๆ อยากอ่านก็แบล๊คคลุมกันเองนะคะ >///<)
เมื่อเข้ามาถึงในห้องน้ำแล้ว เขาก็ปิดประตู และ เปิดฝักบัวเสียงดังมาก พร้อมกับบอกว่าเขาจะลบล้างความรู้สึกถูกสัมผัสของน้องชายเขาไปให้หมด และทิ้งร่องรอยของเขาเข้าไปแทน ก่อนที่จะจับเราถอดเสื้อออกทั้งหมด (น่าจะทั้งหมดนะ 555+) เมื่อถอดออกหมดแล้ว ก็ถามว่าอยากให้สัมผัสแบบอ่อนโยน หรือ แบบแรงๆดี (แรงๆสิค๊า หนูเป็นมาโซค่ะ 55555+) และถามว่าจะให้ลูบ หรือ หยิกแรงๆดี จูบไป เขาก็บอกว่า ลูบดีกว่าสินะ เพราะเสียงครางออกมาหวานดี และ เขาก็ถามเราอีกว่า หรือจะให้ ดูดเบาๆ ดี ? (กรุณาฟังดัมมี่ไมค์แล้วตัดสินกันเองนะเคอะ กรั่กๆๆๆๆๆ) และก็บอกว่าอาจจะดีก็ได้เพราะตอนนี้มันกำลังชูชันเลยหละ
และมือของเรียวอิจิก็ไปถึงข้างล่าง และ ถามว่าเสียงนี้มันเสียงอะไร และให้เราร้องให้มากกว่าเดิม และ ถามอีกว่านิ้วของน้องชายเขาดีแบบนี้ไหม ? ชอบตรงนี้ใช่ไหม ? (โอ้ยยยยย อายหน้าแดงแล้วอะ >////< เสียงมาเอนนทำตาย) และบอกไม่ต้องเกร็งมากก็ได้ เพราะเขาจะแกล้งจนกว่าเราจะพอใจ และ เมื่อจะถึงเขาก็ทำแรงขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงเวลาหนึ่งผ่านไป เรียวอิจิก็เริ่มบรรเลงบทรักในห้องน้ำนั้นเลย และบอกว่าอาจจะทำแรงนิดนึง ขยับไปเรื่อยๆ เขาก็บอกว่าแม้จะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะรับผิดชอบเราเอง และ สุดท้ายเราต้องเลือกเขาอย่างแน่นอน

เมื่อบทรักจบลง ในห้องนอน เขาก็ตรงมาจูบเรา และให้เราเข้าไปกอดเขาให้หายหนาว เขาบอกว่าที่เขาทำเราแบบนี้ เพราะเขาจริงจัง จริงจังที่จะแย่งเรามาจากน้องชายให้ได้ และ ขอให้เราเลิกกับน้องชาย และ เลือกคบกับเขาที....

Track 6 Bad? Day


แทรคนี้เป็นผลถ้าเราเลือกไม่เลิกกับแฟน แต่ยังลักลอบมีอะไรกับพี่ชายเรื่อยๆนะเคอะ.... ในวันแต่งงาน คนที่เดินเข้ามาในห้องของเราคือ เรียวอิจิ เรียวอิจิชมถึงความสวยงามของชุดเจ้าสาวของเรา ก่อนที่จะเดินมาจูบ เขาพูดว่าถ้าหากมีคนรู้ว่าเจ้าสาวโดนแย่งจูบไปก่อนหน้าเจ้าบ่าวก็คงแย่เลย เขาบอกเราว่าเราไม่ตัดสินใจให้เด็ดขาดว่าจะเลือกใครมาถึงวันนี้ เขาจูบไปเรื่อยๆ และบอกว่าเขาจะช่วยเราปิดเรื่องนี้ต่อไป ยิ่งชมความสวยงามของเจ้าสาวอย่างเรา ใจเขาก็ยิ่งเตลิด  การจูบยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเรียวอิจิก็บอกว่าจะจูบให้เราลิ้มรสความสุขไปทั้งวันเลย... (ทำไมแทรคนี้ ชั้นถึงคิดว่ามันเอโร่ยกว่าแทรคที่แล้วหว่า ? หรือ เพราะเสียงเลียของมาเอนน อรั๊ยยยยยย)

Track 7 Wonderful? Days


ในแทรคนี้ เป็นแทรคผลที่เราเลิกกับน้องชาย และ เลือกพี่ชายแทน เรากำลังแพคของเพื่อไปอยู่ต่างประเทศกับเรียวอิจิ เรียวอิจิได้ย้ายไปทำงานเมืองนอกจึงพาเราไปด้วย และ กล่าวขอบคุณเราที่เลือกเขา เขาจะไม่ทำให้เราผิดหวังเลย เราก็ขอให้เขาทำให้เรามีความสุขด้วยการจูบทั้งเช้าและเย็น และในวันหยุดก็จะพาเราไปเที่ยว และจะไม่ทำให้เราร้องไห้ด้วย
ไม่นานเรียวอิจิก็เข้ามาจูบเราและผลักลงเรากับเตียง และ จูบอีกเรื่อยๆ กระซิบว่าเรานี้เป็นคำขอของเขาบ้าง ด้วยการให้เราบอกรักเขาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และให้ความรักโดยการสัมผัสเขาด้วยความอบอุ่น และขอให้เราเชื่อเขา และ อยู่กับเขาตลอดไป ก่อนที่จะตบท้ายด้วยคำว่า “ฉันรักเธอ” และจูบต่อไปเรื่อยๆจนจบแทรค

Track 8 Free Talk by Maenon เอ้ยยยยย Sakura Hiroshi

แทรคนี้มาแบบสั้นกว่าโวลุ่มที่แล้ว อือม มันก็เสียงมาเอนนดัดละนะ 5555+ มาเอนนทิ้งท้ายว่า “การนอกใจ เป็นสิ่งไม่ดีนะ แต่ถ้าจะเอาจริง ก็มีโอกาส(โอกาสไรอะ 5555+) และกล่าวจบไป


==============================

และแล้ว โวลุ่มนี้ก็จบสมบูรณ์แล้วค่ะ

ถ้าใครฟังแล้วคิดว่ามันผิด เพี้ยนๆสามารถติติงได้ตลอดนะคะ ถ้าไม่ถูกต้องอย่างไร
เพราะภาษาญี่ปุ่นก็นะไม่ใช่ภาษาแม่เราจะได้มาฟังทีเดียวแล้วเข้าใจแบบละเอียดยิบได้...

แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการค่ะ TvT


ปล. ขอทิ้งรูปใครบางคนเอาไว้หน่อย กรั่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ





Monday, October 21, 2013

[Review] Situation CD Diabolik Lovers Vol.5 Sakamaki Reiji

กระดึ๊บๆกระดึ๊บออกมาจากฝาหอย (?!)

เอนทรี่นี้ไม่ได้มาแจกไฟล์นะคะ แต่ว่าเราจะมารีวิวเกี่ยวกับ Situation CD
ของหนุ่มคนนี้ต่างหาก !!



Diabolik Lovers Vol.5 Sakamaki Reiji
CV. Konishi Katsuyuki

(จริงๆแล้วเห็นสาวญี่ปุ่นเค้ารีวิวกันเยอะมากเราเลยทนไม่ไหวต้องขอรีวิวบ้าง)

เขาคือ พ่อบ้าน มีความมานะ เอโร(ถามหน่อยเอโรตรงไหน?!?) สุภาพ(บุรุษเกินเหตุ!)

และอีกอย่าง เขายังเป็นแวมไพร์ที่ S มากๆ อีกต่างหาก


ก่อนรีวิวต้องแนะนำตัวละครก่อน
 
 
ชื่อ ซาคามากิ เรย์จิ
เผ่าพันธุ์ แวมไพร์
โรงเรียนมัธยมปลายเรียวเทย์
ปีที่ 3
อายุ 18 ปี
ความสูง 183 เซนติเมตร (โอ้ว แวมไพร์หรือ เปรx)
น้ำหนัก 67 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด โอ (กรุ๊ปเดียวกับเค้าอีกอะ...)
ของกินที่ชอบ คาร์โบนาร่า
งานอดิเรก สะสม tableware(s)

ลูกชายคนที่สองแห่งบ้านซาคามากิ
เป็นโดะเอสที่ ปกติก็พูดจาไพเราะราวกับพ่อบ้าน
แต่เนื้อหาที่แกพูดออกมานั้นช่างดูถูกและแทงใจคนฟังจริงๆ
เป็นคนที่ยึดถือเรื่องกฏระเบียบ แล้วก็บังคับให้รอบข้างยึดถือไปด้วย
แต่พี่แกดันเป็นคนตั้งกฏระเบียบขึ้นมาเอง แถมยังเป็นกฏแปลกๆด้วย
การเก็บรักษาช้อนส้อมถ้วยชาที่ได้มา เป็นสิ่งที่ทำประจำในชีวิตประจำวันของเขา

หมดแนะนำตัวละครแค่นี้เค่อะะะะะ

ต่อไปก็เป็นรีวิวเนื้อหาอย่างคร่าวๆของซีดีแผ่นนี้
 
Warning !! A lot of spoils here !!!

"เมื่อคุณได้รับบาดเจ็บขยับไม่ได้ และเรย์จิก็พาคุณไปส่งที่เตียง
คุณกำลังจะถูกบังคับกรรโชกโดยโดะเอสพ่อบ้านอย่างเรย์จิ" --- คร่าวๆ

ใช่ที่ไหนเล่า !!!!! /ทุบหัวตัวเอง

ปล.เราเล่าไปด้วยอาจจะวงเล็บที่เป็นคอมเม้นของเราด้วยนะคะ อย่าไปสนใจเลย....
 
 
   เริ่มเรื่องคือ เราเกิดฝันร้ายแล้วต้องตื่นขึ้นมากลางดึก เราจึงออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อฆ่าเวลานอนไม่หลับ และเราจะได้พบเรย์จิ ซึ่งกำลังจิบชาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ตอนแรกเราจะไม่กล้าเข้าไปหาเรย์จิตรงๆ แต่เรย์จิดันรู้ตัวก็เลยเรียก(สั่ง)เราให้มานั่งด้วยกัน เรย์จิบอกว่า ถ้าเป็นพี่น้องคนอื่นเราคงถูกด่าเปิงไม่ก็โดนจัดการ(?)ไปแล้ว แต่เพราะเป็นเขาเราก็เลยไม่โดนแบบนั้น หลังจากนั้นเรย์จิก็จะบอกว่าเขาขอดื่มชาต่อ(โดยไม่สนใจเราว่างั้นเหอะ)แล้วกัน เราก็เลยขอตัดบทเพื่อกลับไปนอน แต่เรย์จิก็เรียกไว้ แล้วก็ชวนเราดื่มชาด้วยกันซะเลย (เป็นความคิดที่ดีนะแก๊)

    หลังจากนั้นเค้าก็จะพูดๆๆให้เรารู้สึกอยากร้องไห้ แล้วเรย์จิก็จะพูดว่า เพราะเหตุนี้แหละ เขาถึงไม่ชอบผู้หญิง (ห๊ะ?) แล้วก็ดื่มชากันไปเรื่อยๆ เรย์จิก็จะพูดถึงชาที่เขาดื่มว่ากลิ่นหอม ไม่กินต้องเสียดายแน่ๆ พอเราดื่มเข้าไป เราก็เริ่มหยุดร้องไห้แล้ว เรย์จิก็ถามว่าทำไมดึกดื่นป่านนี้ถึงไม่หลับไม่นอน แล้วก็ให้เวลา 3 วินาทีในการตอบคำถามของเขา เราก็จะบอกเขาว่าเรานอนไม่หลับเพราะฝันร้าย เรย์จิก็จะหัวเราะแล้วพูดว่าไม่ได้หัวเราะเยาะนะ บอกว่า เห็นว่าเราน่ารักในแบบของเราแค่นั้น แล้วก็เขาก็จะบอกว่า ฝันร้ายไม่ใช่เรื่องแปลก (สงสัยพยายามจะปลอบเรา)

    หลังจากนั้นเรย์จิจะชวนเราดื่มชาต่อ แต่เราไม่ดื่มและบอกว่ารอจะให้อุ่นกว่านี้หน่อยแล้วค่อยดื่ม เรย์จิก็บอกว่าต้องดื่ม เพราะ ชาจะอร่อยต้องกินเวลาร้อนๆ เราเลยดื่มเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเขาก็ดื่มบ้าง แล้วก็ชมความหอมหวลของชาตัวเอง(อีกแล้ว) แถมยังพูดว่าคืนนี้คงจะดีกว่านี้ถ้าเราไม่มาที่นี่(อ้าว พูดแบบนี้กลับไปนอนเลยเหอะ...) เราก็ยังฝืนพูดต่อว่า ไม่เป็นไร เพราะอยากดูเรย์จิดื่มชา(ห๊ะ) เรย์จิก็จะพูดว่า ดูไปเพื่อ ? ไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย

    จากนั้นเรย์จิก็จะพูดถึงถ้วยชาของเขาว่าเราไม่ควรจะแตะต้อง(สงสัยจะหวงนะ) แล้วก็พูดถึงช้อนส้อมที่เขาสะสมไว้ แล้วให้เราดูช้อนที่อยู่ในถ้วยชาของเขาว่าเวลาสะท้อนแสงจันทร์แล้วจะวิบๆ วับๆ ส่วนจานถ้ามีอะไรใส่เข้าไปก็คงจะดีมากๆ แต่ที่เขาชอบมาที่สุดคือ ถ้วยชาของเขาเอง แล้วก็พูดว่าสวยอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็พูดว่า แค่คิดว่าในถ้วยนี้มีเลือดใส่เข้าไปแล้วก็ค่อยๆจิบละก็...แล้วก็กลืน น้ำลาย....(ใครกลืนกันแน่ฟระ ชั้นหรือแก๊?) แล้วเรย์จิก็จะให้เราเข้าไปดูถ้วยนั้นใกล้ๆ
 
   แต่เรากลับทำซุ่มซ่ามเผลอทำถ้วยชาของเรย์จิแตกจนได้ เรย์จิก็เกิดบันดาลเดือด แต่ไม่ทันเดือดเขาก็เห็นว่าเราโดนแก้วบาด จนเลือดออกที่นิ้ว เขาก็จับมือเราขึ้นมา และค่อยๆเลียเลือดที่ติดอยู่ออก (แค่เลียจริงๆ ไม่ได้กัดแต่อย่างใด) แต่เราก็ยังกลัวๆเลยพยายามดึงนิ้วออก เรย์จิเลยย้ำให้เรานิ่งๆเข้าไว้ และก้มลงดูดอีกที พร้อมเสียงหายใจเข้าออกระรัวของเรย์จินั่นแล

    แต่แล้วเรย์จิกลับไม่ดูดเลือดเรา หลังจากเลียเลือดออก ก็ปล่อยมือเราออก แล้วถามว่า ไม่เจ็บเลยใช่มั้ย... แล้วก็บอกว่าไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกน้องๆของเขาถึงชอบดูดเลือดของเรานักหนา แล้วก็พูดว่าเพราะเขาเป็นแวมไพร์ เวลาที่เห็นเลือดแล้วไม่เกิดคลั่งขึ้นมามันก็แปลก (แต่แกก็ไม่ดูดเค้าอะ ฮือๆๆๆ ดูดเซ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ /ป๊าบบบบบ โดนน้องพีปาใส่หัว) แล้วเราก็ทำหน้ากลัวขึ้นมา แล้วก็บอกว่ารู้นะว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วบอกว่าแค่เลือดเราไม่พอให้เขาเกิดคลั่งขึ้นมาหรอก (เหรอ!!) เรย์จิยังพูดอีกว่า แวมไพร์นะ ถ้าไม่อยากดูเลือด ก็จะไม่ดูดหรอก แต่ถ้ามีใจอยากดูดก็จะดูดทันทีแบบไม่ต้องลังเล

    แต่ในทันใดนั้น เรย์จิก็เกิดพูดขึ้นมาว่า "จริงๆแล้วตอนนี้ ผมเกิดอยากดูดเลือดของคุณจนทนไม่ไหวแล้วต่างหากละ!!" หลังจากนั้นเราก็กลัวขึ้นมาแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูออกทันที แต่ดันเปิดไม่ได้ (กรี๊ดด หนีทำมายยย ให้มานดูดส์ไปเลยๆๆๆๆ ดูดๆๆๆๆ /โครมมม โดนเก้าอี้ทับ) เรย์จิก็หัวเราะแล้วบอกว่าจะหนีเหรอ หนีไม่ได้หรอก ประตูมันล๊อคอยู่ แล้วก็หาว่าเราโง่อีก ที่ไม่รู้ว่ากลอนมันล๊อคเมื่อไหร่

    เรย์จิก็เดินมาหาเราช้าๆ แล้วบอกว่า ไว้ใจได้เลย เขาไม่ทำให้เราเจ็บปวดหรอก แล้วก็ถามว่าจริงๆแล้วถ้าเราฝันร้าย เราจะมาหาเขาที่ห้องนอนของเขาเป็นที่แรกใช่มั้ย แล้วเราก็หนีไปที่อื่น แต่ก็ไม่พ้น เรย์จิเลยถามว่าเราว่า เราอยากให้เขาดูดเลือดเราจากตรงไหน จากคอเหรอ? จากริมฝีปาก จากข้อมือ หรือ จะเป็นจากถ้วยชาละ ?

    พูดไปเรื่อยๆ เราก็ขยับหนีไปเรื่อยๆ เรย์จิก็หัวเราะ แล้วบอกว่า เขาล้อเล่น (ห๊ะะะะ) แถมยังบอกว่าเขาเห็นเราทำท่ากลัวแบบนั้นแล้วน่ารักดี แถมยังบอกว่า เราคิดว่าเขาจะเกิดคลั่งขึ้นมาจริงๆเหรอ หรือว่าเราเกิดต้องการให้เขาดูดเหมือนกับน้องคนอื่นๆที่เคยดูดเราใช่ มั้ย....(โฮกกกกกก บิชจังจริงๆอินางเอกกกก เออ...เรานี่หว่า... - -*)

    หลังจากนั้นเขาก็จะพูดแทงเราไปเรื่อยๆ แล้วเรย์จิก็เทชาลงกับพื้น ให้เราเอาผ้ามาเช็ด เราก็ต้องจำยอมก้มลงเช็ดพื้นให้เรย์จิ (โอ้ย ชุดนอนชั้น...) แล้วเรย์จิก็พูดแทงเราอีกขณะเราเช็ดพื้นให้ แถมยังพูดว่าท่าทางเวลาเราเช็ดพื้นถึงจะดูไม่โปร แต่ก็ไม่เลวเท่าไหร่ (อะไรไม่เลวเท่าไหร่ฟระะะ) แล้วก็ดูเชิญชวนอีกต่างหาก (แกยังไม่เคยเห็นท่าขูดมะพร้าวใช่มั้ยเรย์จิ!?)

    หลังจากนั้นเรย์จิจะให้เรายืนขึ้น แล้วยังสั่งให้เรายืนหลังตรงๆด้วย (โหยยังกะฝึกลูกเสือ) พอเรายืนหลังไม่ตรง ก็ว่าเราว่าไม่มีบุคลิกภาพที่ดีอีก หลังจากนั้นเรย์จิก็จะถามเราว่าเต้นรำเป็นมั้ย เราก็จะบอกว่าไม่เคยเต้น เรย์จิก็จะเย้ยว่าพ่อไม่เคยสอนเลยละสินะ (ลืมไปว่านางเอกมันมีแต่พ่อ- -*) เรย์จิก็เลยบอกว่า ต่อไปนี้อาจจะมีโอกาสไปเต้นบ่อยๆ เรียนรู้ไว้ก็ไม่เสียเปล่า เขาเลยเสนอตัวจะสอนเต้นให้

    หลังจากนั้นเรย์จิก็จะพาเราไปอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสำหรับเต้นรำ แต่ก่อนเต้นเขาจะให้เราเปลี่ยนชุดก่อน แล้วก็เปลี่ยนมันตรงนั้นหละ เรย์จิก็ใช้คำพูดบังคับเปลี่ยนเสื้อให้เรา (เปลี่ยนเสื้อให้เหมือนใครสักคนนะ....พ่อบ้านเหมือนกันอีก)

    หลังจากนั้นพอเปลี่ยนเสร็จแล้ว เรย์จิก็พาเราไปเต้น ตั้งแต่จังหวะวอลซ์ ไปถึงแทงโก้(แทงโก้รึเปล่านะ ฟังไม่ชัด) จนถึงฉากนี้ ขอบอกว่า นักพากย์อารมณ์ศิลป์จริงๆ พูดเป็นจังหวะมาก อิจิ นิ ซัง อิจิ นิ ซัง ไปเรื่อยๆ เราก็เผลอเหยียบเท้าเรย์จิเข้า เรย์จิก็พูดดูถูกเราอีก แล้วยังบอกว่ารองเท้าเค้าเปื้อนแล้วเนี่ย พูดไปเรื่อยๆ เราก็หน้าซีดไปเรื่อยๆ เรย์จิเลยบอกว่า ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก เขาไม่กรรโชกโฮกฮากเหมือนพวกอายาโตะหรอก อย่างมากที่เขาจะทำคือ....ดึงมือเรามา และ จูบลงกับมือของเรา เท่านั้น....(เอ่อ...จะจุ๊บที่ปากก็ไม่เป็นไรนะตะเอง...)

    หลังจากนั้นเรย์จิจะสังเกตว่าเราเริ่มคลายความตึงเครียดแล้ว จึงเต้นต่อไปเรื่อยๆ แต่คราวนี้ เขากลับพูดว่า เมื่อกี้กินชาเข้าไปได้นิดเดียวเท่านั้น ตอนนี้ก็เลยเริ่มคอแห้งผากเสียแล้ว แค่จินตนาการว่าหากเลือดของเรากระจายเข้าไปในปากของเขาละก็....เริ่มหิวขึ้น มาซะแล้ว ถ้าหากเขาได้ฝังเขี้ยวเข้าไปในคอของเราแล้วดูดเลือดของเรา อาจจะทำให้เขาหายคอแห้งขึ้นมาบ้าง หลังจากนั้นเราก็เผลอสะดุดเท้าเรย์จิข้อเท้าพลิกจนลุกไม่ได้ เรย์จิเลยอาสาพาเราไปส่งที่ห้องนอน.....

    เข้ามาฉากดัมมี่ไมค์แล้วง๊าบบบบ เป็นฉากที่เรย์จิพาเรามาที่ห้องนอนของเขา พอเข้ามาแล้วเขาก็ให้เรานั่งลงกับเตียงของเขา (ไม่ใช่โรงศพเรอะ...) เรย์จิก็จะพูดเราให้เรากลัวอีกเรื่อยๆ แล้วก็จับข้อเท้าเรา เราก็พยายามกระเถิบหนีไม่ยอมให้จับ เรย์จิก็จะหันไปพูดถึงของสะสมที่อยู่ในห้องของเขาเรื่อยๆ หลังจากนั้นเขาจึงค่อยๆเฉลยออกมาว่า ชาที่เราดื่มไปเมื่อครู่ เขาใส่ยาพิษเข้าไปด้วย ทำให้เราหมดแรงง่ายมาก แต่เรย์จิก็บอกว่าล้อเล่นอีก เพราะเขาจะไม่ใช้ยาพิษกับเราอยู่แล้ว

    เราก็เลยถามว่า จะใช้ยาพิษกับใคร เรย์จิเลยบอกว่าเขาจะใช้กับคนที่ไม่ยอมฟังคำสั่งและทำตามกฏของเขา แล้วก็จะเกลียดมาก คนแบบนี้ แต่ไว้ใจได้ เพราะเขาไม่ได้พูดกับเราแน่นอน แล้วก็เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนเป็นเรื่องที่เขาเลียเลือดเราจากนิ้วเมื่อกี้ เขาบอกว่าเลือดของเราพิเศษ(อีกแล้วเรอะ...สุบารุก็พูดเงี๊ยะ...) แล้วก็ไม่สามารถลืมได้เลย ถ้าหากเลือดของเราเข้าไปในปากของเขาอีกครั้ง

    หลังจากนั้นเขาก็จะให้เรานึกถึงกฏข้อหนึ่งที่เขาเคยบอกเราไป (ข้อไหนฟระ ตรูจำไม่ได้) แต่เราดันบอกเขาว่าจำไม่ได้ เขาจึงบอกว่า กฏนี้ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้เอง แล้วก็ใช้ประโยคกับเราที่ว่า "คุณน่ะ...รู้ตัวว่าคุณมีตัวตนที่จะต้องคุกเข่าลงและก้มศรีษะให้กับผมรึ เปล่าล่ะขอรับ" หลังจากนั้นเรย์จิก็จะนำโซ่มาล่ามที่ขาของเราเพื่อไม่ให้เราหนี  (ไม่รู้ว่าเป็นโซ่รึเปล่านะ หรือกุญแจล๊อคขาไม่รู้ แต่รู้อย่างเดียวมันทำให้เราหนียาก...) เราก็จะเริ่มร้องไห้ เรย์จิก็จะบอกว่าน้ำตาก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก

    จากนั้นเราก็จะพยายามคลานหนีบนพื้น (ไหนๆก็เดินไม่ได้ละนี่...) เรย์จิก็เลยบอกว่า ถ้าอยากหนีก็มาเอากุญแจในมือของเขาไปเปิดสิ เราก็พยายามคว้ากุญแจจากมือของเรย์จิ แต่ก็คว้าไม่ได้ เรย์จิจึงบอกว่า ถึงจะหนีออกไปจากห้องนี้ได้ ก็ไม่มีคนช่วยเราได้หรอก จากนั้นเรย์จิก็เข้ามาจับเราบ้าง เราก็พยายามคว้ากุญแจอีก แล้วก็ดิ้นไปเรื่อยๆ เรย์จิก็เลยบอกว่า ยิ่งเราดิ้น ห้องก็ยิ่งเต็มไปด้วยฝุ่น (เอ่อ...เรย์จิคะ ฝุ่นน่ะมันจับตัวเราแล้วหละ มันไม่กระจายไปทั้งห้องเธอหรอก...)

    แล้วเรย์จิก็จะพูดว่า เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเราทำให้เขาโกรธ เราต้องถูกเรย์จิทำโทษ โทษนั้นก็คือการถูกเขาดูดเลือดนั่นเองงงง หลังจากนั้นเรย์จิจะสั่งให้เรายืนขึ้น หลังจากนั้นเรย์จิก็จะพูดดูถูกเราทำให้เราเริ่มโมโหบ้าง และพยายามจะตบหน้าเรย์จิ (แต่ก็ตบไม่ได้เพราะเรย์จิจับไว้) เรย์จิก็เหมือนจะเก็บอารมณ์ไว้ได้อีก ก่อนจะบังคับให้เราพูดว่า "ฉันจะยอมเป็นของท่านเรย์จิ และ มอบเลือดของเราให้เขาซะ" จากนั้นเรย์จิก็จับเรากดลงกับเตียง

    เราก็จะมองเรย์จิแบบกลัวๆเพราะตอนนั้นเรย์จิก็อยู่บนร่างเราแล้ว เรย์จิก็บอกว่าเขาไม่ต้องการจะดูดเลือดเราบนพื้นเพราะไม่อยากให้เสื้อเปื้อน ก่อนที่เขาจะพูดว่าตอนนี้คอแห้งจริงๆแล้ว และ บอกว่าเขาเป็นแวมไพร์ แล้วตอนนี้ก็กระหายจนไม่ไหว แล้วไม่จำเป็นต้องกักเก็บ(อารมณ์)อะไรเอาไว้อีกต่อไปแล้ว เพราะนี่คือบทลงโทษของเรา

    และแล้วเรย์จิก็กัดเราลงกับคอซ้าย กัดไปได้เขาก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วตะโกนว่า เลือดของเราเติมเต็มความกระหายให้เขาแล้ว วิเศษจริงๆ !!! (ถึงฉากนี้เราไม่ได้กลัวอะ แต่ขำรุนแรง - -*) แล้วก็หัวเราะๆ แล้วก็ถามเราว่า เวลาที่ถูกเขาดื่มเลือด เลือดของเราไหลเวียนและซึมซับอยู่ในร่างกายของเขา รู้สึกอย่างไรบ้าง แต่เราก็ไม่ตอบ แค่ถูกดูดไปครั้งเดียว ก็นิ่งเสียแล้ว แล้วยังถามเราอีกว่าทนได้แค่นี้เองเหรอ เราก็บอกว่าไม่ใช่ เรย์จิก็บอกว่าเราตอบไม่ตรงกับใจอีก น่าเสียดาย

    แต่เขาเชื่อว่า เราสามารถเติมเต็มให้กับเขาได้แน่ๆ หลังจากนั้นเรย์จิก็หอบหายใจรุนแรงอีกครั้ง แล้วบอกว่า คอแห้งอีกแล้ว (เอ่อ ไม่จำเป็นต้องบอกมั้ง...) ยังงัยเขาก็จะไม่ยอมปล่อยเราไปเด็ดขาด แล้วเสียงนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนก็ดังขึ้น !!!

    แล้วเรย์จิก็กัดเราอีกครั้งที่คอขวาระหว่างที่นาฬิกามันตีนั่นหละ แล้วเรย์จิก็หัวเราะ และ จบลงด้วยคำว่า "ราตรีนี้ยังอีกยาว (คุ้นๆแหะ เหมือนน้องๆมันจะพูดกันมาก่อนหน้านี้แล้ว) เอาหล่ะ ด้วยเลือดของหญิงสาวอย่างคุณนี้ ช่วยเติมความกระหายให้กับกระผมทีเถอะ" แล้วก็หัวเราะ... จบด้วยเพลงประกอบซีรีย์นี้ (น่าหนวกหู แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่เลวร้ายมากมาย....)


จบแล้วจ้าาาาาาา
 
 
My additional comments ค่อนข้างยาวนะคะ แต่อ่านกันหน่อยก็ดีค่ะ : 
 
หลังจากได้อ่านสปอยจากคนญี่ปุ่น แล้วฟังเรย์จิทั้งแทรคครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม

จนมากระทั่งนั่งฟังแล้วมารีวิว

เรายังคงสงสัยว่า

"นี่ตกลงมานเป็นพี่ชายของอายาโตะ คานาโตะ ไรโตะ กับ สุบารุจริงๆเหรอเนี่ย

นิสัยตรงกันข้ามกับสี่คนนี้จริงๆ"

สี่หนุ่มที่ว่านี้จะรุนแรงกับเราทั้งการกระทำและึำพูด

แต่เรย์จิแค่แรงกับเราแค่คำพูดเฉยๆ (บางทีก็ชอบล้อเล่นกับเรา)

นับได้ว่าเรย์จิเป็นแวมไพร์ที่มี ความฉลาดทางอารมณ์ สูงมากจริงๆ

ขนาดเราทำแก้วที่รักของเรย์จิแตก ยังไม่โวยวาย แถมยังทำแผลให้เราอีกแหนะ
 
อย่างตอนเหยียบเท้าเรย์จิ เรย์จิก็ไม่้โกรธซะงั้นอะ (แต่พูดเซะเมะใส่)
 
แถมตอนดูดเลือด ยังกัดเรายังกะแวมไพร์(ใน True Blood)แหนะ
 
กัดแล้วแต่ไม่เลีย ไม่สูบแรงๆซะด้วย - -*
 
ซูฮกค่ะะะะะะ จะเจนเทิลแมนไปไหน
 
 
 
แต่อย่าลืมนะคะท่านผู้ชม
 
นี่คือ ซีดีดูดเลือดแบบโค-ตะ-ระซาดิสม์ (ドS吸血CD)
 
เรย์จิคะ...นอกจากชั้นจะมองไม่เห็นความซาดิสม์ของเธอแล้ว
 
เธอยังทำให้ฉันมองว่าเธอเป็นแวมไพร์หัวใจเวอร์จิ้นอีกด้วยค่ะ !!



ต่อไปเราคงจะได้เห็นอนิเมะเรื่องนี้
 
"เรย์จิใส หัวใจเวอร์จิ้น!!"
 
/วิ่งหลบพระบาทาแฟนคลับเรย์จิโดยไว
 
(เอะ...เราก็เป็นสมาชิกแฟนคลับเรย์จิด้วยนี่นา...)



แต่ก็ไม่เชิงว่าเรย์จิจะไม่ซาดิสม์เลยนะ เรย์จิก็มีด้านซาดิสม์เหมือนกัน
 
อย่างตอนเอาโซ่มาล่ามขาเรา แล้วให้เราพยายามคลานหนีไปบนพื้น
 
รวมถึงตอนที่เทชาลงพื้นแล้วให้เราก้มๆเงยๆเช็ดพื้นอะ
 
พอจะจิ้นแววตาเรย์จิได้เลย (มองไรอยู่ฟระห๊ะะะ)


หลายคนสงสัยว่าทำไมเราถึงรีวิวแต่เรย์จิ.....ทั้งๆที่ตัวละครก็มีตั้ง 6 ตัว

จริงๆแล้วเรารีวิวเรย์จิเพราะว่า......

 
จริงๆแล้วก็หลงรักถึงขนาดเกลียดไม่ลงแล้วหละ ถึงแม้ซีดีจะทำให้ผิดหวังก็ตาม....
แต่ไม่เคยถือโทษโกรธเรย์จิ หรือโกรธนักพากย์ นะ ที่ต้องโกรธอะ ไอ่คนเขียนเรื่องต่างหาก...

จริงๆแล้วรีวิวคานาโตะไปแต่มันอยู่ในเฟซบุ๊คค่ะ....ขี้เกียจเอามาลง
 

แล้วเจอกันเอนทรี่หน้าค่าาาาาาาาา

Thursday, October 17, 2013

[Review Drama CD] Shinsengumi Mokuhiroku Wasurenagusa Vol.3 Kondou Isami Disc 2


แผ่นสองมาแล้วค่า....
ยังไม่ได้อ่านแผ่น 1 ก็กลับไปรีวิวแผ่น 1 สิ

คำเตือน
แผ่นสองนี้ เต็มไปด้วยสปอยล์
และ ฉาก(เสียง) 18+ ใน Track 1 + 2 (แต่ Track 3 + 4 ไม่ติดเรทนะคะ เรียกน้ำตาได้ดีเลยหละ)
กรุณาใช้จักรยาน เอ้ย วิจารณญาณในการอ่านรีวิวด้วยนะคะ

新撰組黙秘録勿忘草 第参巻 近藤勇編
Shinsengumi Mokuhiroku Wasurenagusa Vol.3 Kondou Isami
ชินเซนงุมิ บันทึกเป็นการลับ ~ฟอร์เกทมีนอท~  โวลุ่ม 3 คอนโด้ อิซามิ
CV. 井上和彦 Inoue Kazuhiko



Disc 2

Track 1
        คอนโด้ซังได้พบกับเราอีกครั้งในสวนของฐาน หลังจากที่เขาออกไปธุระข้างนอกเสียหลายวัน (ออกไปจัดการกับพวกโจชู) แล้วคอนโด้ซังก็พูดถึงโคเททซึว่าเขารู้ว่าโคเททซึพูดอะไรอยู่ เราก็นึกไปโน่นว่าโคเททซึพูดได้เหรอ เขาบอกว่าโคเททซึพูดไม่ได้หรอก แต่เขารู้สึกได้เพราะทุกครั้งที่เขาสู้ร่วมกับโคเททซึก็เหมือนกับใจทั้งสอง สื่อถึงกันได้ทุกครั้ง แล้วโคเททซึก็เป็นคาตะนะชิ้นเดียวที่เขาให้ความสำคัญที่สุด
        แล้วคอนโด้ซังก็ต้องเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะเขาพูดถึงโคเททซึเมื่อไหร่ก็ติดหล่มทุกที (เออรู้แล้วค่า – คนรีวิว) แล้วเขาก็ถามว่าทำไมเราถึงมาในสวนนี่ (เราก็ตอบว่า มากินข้าวมั้งคะ 5555+ //โดนเสย) เราตอบว่าจะมาเก็บดอกไม้ไปประดับห้องของคอนโด้ซัง คอนโด้ซังจึงชวนเราไปเก็บด้วยกัน....
        ระหว่างเก็บดอกไม้ คอนโด้ซังก็เลือกดอกไม้ที่เราไม่เคยเก็บไปประดับห้องเขาเลย และเขาก็ได้พบกับดอกไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งเราบอกว่า มันชื่อ “วาซุเระนางุสะ” ซึ่งมันไม่น่าจะบานช่วงนี้ (ปกติดอกพวกนี้มันจะบานช่วงเข้าใบไม้ผลิอะนะเคอะ) เราก็จะเก็บวาซุเระนางุสะเหมือนกัน แต่คอนโด้ซังบอกว่า ไม่ได้ เพราะเขาเจอก่อน และเราก็สังเกตว่าเรากำลังจับมือของคอนโด้ซังที่กำลังจับดอกไม้อยู่ รู้ตัวอีกทีเราก็รีบปล่อยมือของคอนโด้ซัง....แต่แล้ว....
        ไม่ทันคาดคิด คอนโด้ซังก็เข้ามากอดเราจากข้างหลัง และ พูดว่า “ทั้งๆที่พูดไปแล้วแท้ๆ ข้าน่ะเป็นคนความอดทนน้อยนะ...” และจูบลงที่ริมฝีปากเราทันที พูดไปเรื่อยๆ ก็จูบไปเรื่อยๆ เขาบอกว่าเขาอยากจะทำแบบนี้มาตลอด อยากจะประทับจูบกับเรา แทบอยากทำให้เราหายใจไม่ออกด้วยริมฝีปากของเขาเท่านั้น ตอนนี้เขาต้องการเราอย่างช่วยไม่ได้...
        และคอนโด้ซังก็สารภาพรักกับเรา และ บอกว่าถ้ามีใครมาเห็นเข้าก็คงจะถูกบังคับให้เซ็ปปุคุได้ง่ายๆ แต่เพราะเราทำให้เขาเกิดทนไม่ได้ขึ้นมา คอนโด้ซังจึงชวนเราไปที่ห้องของเขาตอนนี้เลย เราก็บอกว่า “นี่มันตอนกลางวันนะ” คอนโด้ซังเลยนัดเราให้เรามาที่ห้องในตอนกลางคืนแทน....

Track 2
        ในตอนกลางคืน เราก็ไปหาคอนโด้ซังตามสัญญา คอนโด้ซังก็บอกว่า โคเททซึก็ดีใจนะ (กึ่กกก เป็นตรูรีบวิ่งหนีออกจากห้องแน่นอน) เราก็ทำหน้าตื่นๆคอนโด้ซังก็บอกไม่ต้องกลัว อีกสักพักก็คงหายตื่นไปเอง... ก่อนที่เขาจะเรียกเราเข้าไปใกล้ๆ และเข้ามาจับตัวเราไว้จากข้างหลัง เขาก็กระซิบกับเราว่าเรานี่ยั่วยวนเก่งจริงๆนะ แล้วก็จูบที่ริมฝีปากเราอีก เราก็หลับตา แต่คอนโด้ซังบอกว่าให้เราลืมตาระหว่างที่จูบกับเขา เพราะเขาชอบสบตาและจูบแบบนี้มากกว่า และจูบอีกครั้ง
        และคอนโด้ซังก็พยายามถอดกิโมโนเราออก เราก็รีบถอยออกด้วยความอาย คอนโด้ซังก็บอกว่าไม่ต้องอาย เพราะ คนที่เห็นก็มีแต่เขาเท่านั้น ก่อนที่เขาจะพูดว่า “มานี่สิ ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้าเอง เจ้าน่ะก็แค่ ฝากตัวของเจ้าไว้กับข้าก็พอ ง่ายใช่มั้ยละ...”  และคอนโด้ซังก็เข้ามาจับเราจากข้างหลังอีก เขาบอกว่าเราเป็นคนเดินเข้ามาหาเขาเองนะ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องหนีหรอก เขาอยากจะรักกับเราให้ลึกซึ้งมากเท่าที่ทำได้
        คอนโด้ซังก็จูบเราไปเรื่อยๆ คอนโด้ก็ชมผิวของเราที่กลายเป็นสีแดงระเรื่อ ราวกับความสวยงามของโคเททซึที่อาบเลือดเลย (โอ้ยย มันสวยตรงหนายยย) จูบไปอีก และมีโคเททซึ ทำให้เขาสามารถเข้าถึงใจเราได้มากขึ้นกว่าเดิมด้วย (ไม่เลยค่ะ ไม่เลยยยย ฮือๆๆๆ เอามันออกปายยย) แต่เพราะว่าโคเททซึอาจจะแอบอิจฉาเราด้วย เขาเลยบอกว่าเขาน่ะรักโคเททซึเท่ากับเราเลย และ ให้เราสนิทสนมกับโคเททซึไว้ด้วย...
        และแล้ว คาตะนะเพลย์ก็เริ่มขึ้น คอนโด้ซังชักโคเททสึออกมาจากฝัก ชมว่าสวยราวกับว่าจะส่องสว่างในตัวเองได้งั้น เขาน่ะรักโคเททซึ เหมือนกับที่รักเราเลย แต่เราก็บอกว่า “บอกตามตรง ตรู เอ้ย ข้า ไม่ดีใจด้วยหรอก...” คอนโด้ซังก็อึ้งไป และก็บอกให้เราสัมผัสโคเททซึ เพราะเราได้รับสิทธิ์ให้สัมผัสโคเททซึได้ (หรือโดนโคเททซึสัมผัสกันแน่แว๊..)
        เมื่อใบมีดกระทบลงกับผิวเรา คอนโด้ซังก็จูบเราไปด้วย เราก็พยายามดิ้น คอนโด้ซังก็บอกว่ายิ่งขยับเดี๋ยวก็โดนบาดหรอก... และเขาก็บอกอีกว่าการที่ทำแบบนี้กับเราอยู่ในฝันเขามาตลอด ทำให้หัวใจของเขาเริ่มมีความคิดที่สกปรกขึ้นทุกวัน ระหว่างที่สันดาบกระทบผิวเราไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้คอนโด้ซังรู้สึกตื่นเต้นขึ้นไปเรื่อยๆ เวลาที่ความเย็นของโคเททสึกับความร้อนในร่างกายเราทำปฏิกิริยากัน มันทำให้เขารู้สึกดีมาก เราก็สั่นด้วยความกลัว เขาก็บอกไม่ต้องกลัว เพราะเขาอย่างไรก็จะปกป้องสิ่งสำคัญของเขาอยู่แล้ว และ โคเททซึจะคอยปกป้องเรา เพราะฉะนั้น เราก็ต้องรักโคเททซึให้มากๆ
        เราก็ถามว่า ทำยังงัยถึงจะแสดงออกว่าให้ความรักกับมัน (ไม่สิ  ต้องเรียกเขา- -*) คอนโด้ซังก็บอกว่า ก็ให้ความอบอุ่นกับเขาก็ได้นี่ เขาก็ใช้สันดาบกระทบเราไปเรื่อยๆ จูบเราไปเรื่อยๆ บางทีก็หันไปจูบโคเททซึอีก จูบสับๆไปเรื่อยๆอีก โดยพยายามไม่ให้คมดาบบาดเราเข้า ก่อนที่จะลงท้ายแทรคว่าทั้งสองคน (เรา+โคเททซึ) จงเติบโตอย่างงดงามในอ้อมกอดของเขาเถอะ.... และหัวเราะจนจบแทรค...

Track 3
        แทรคเริ่มขึ้นด้วยเราตื่นขึ้นมาพร้อมกับที่เจอคอนโด้ซังตื่นอยู่แล้ว เขากำลังมองออกไปข้างนอก ในขณะที่อากาศเย็นมากเพราะลมพัด เราก็กลัวคอนโด้ซังจะไม่สบาย คอนโด้ซังเลยเข้ามากอดเราเพื่อให้เราทำให้เขาอุ่นขึ้น ระหว่างที่เขากอดเราอยู่ คอนโด้ซังก็เริ่มพูดขึ้นว่าเราอยู่ในฐานกลุ่มชินเซ็นมาได้กี่เดือนแล้วนะ เขารู้ว่าตอนนี้อนาคตของกลุ่มชินเซ็นก็เริ่มรุ่งโรจน์ขึ้น แต่จริงๆแล้ว ทุกอย่างมีเริ่มต้น ก็ต้องมีจบ ถ้าความวุ่นวายจบลง แล้วสันติภาพกลับมายังเมืองหลวงอีกครั้ง ตอนนั้นก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของสมัยแล้วก็ได้ (เอโดะ เปลี่ยนเป็น เมจิ เป็นต้นนะเคอะ..)
        และเมื่อวันนั้นมาถึง เราอาจจะได้ยิ้มรับกับมันก็ได้ คอนโด้ซังอยากจะได้กอดเราแบบนี้ และรอดูอนาคตที่สดใสไปด้วยกันแน่นอน แต่แล้ว...เรื่องแบบนั้นมันต้องเป็นแค่”เรื่องในฝัน”แน่นอน (พร้อมกับเอฟเฟคลมที่แม้แต่คนฟังยังต้องขนลุก) แล้วคอนโด้ซังก็หันไปชมหน้าหนาวที่กำลังใกล้เข้ามา ดวงดาวก็ดูสวยงาม เวลาที่ได้รู้สึกแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกต้องเตรียมใจกับอะไรบางอย่าง
        เราก็ถามว่าต้องเตรียมอะไร ? เขาจึงบอกว่า “มันคือการเตรียมใจรอรับจุดจบ ยังงัยละ” (ถึงตอนนี้เริ่มเศร้าแล้วแหะ...) สิ่งนั้นก็คือ การตัดสินใจเลือกสถานที่ ที่เขาจะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง และที่นั่นก็คือ “คุนอนนิบุคุย” (คืออะไรหว่า ใครรู้หลังไมค์มาหน่อย - -*) และเขาเริ่มรู้สึกว่าวันนั้นใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่ไม่ใช่ตอนนี้  และจนกว่าวันนั้นจะมาถึง เขาพร้อมกับเราและโคเททซึ จะอยู่ด้วยกัน และเขาก็สาบาน จะรักเราต่อไปจนกว่าจะถึงเวลานั้นด้วย....

Track 4 Free Talk by Inoue Kazuhiko
        แทรคนี้เป็นแทรคฟรีทอล์คของอิโนะอุเอะซัง(อิโนะซัง)เซย์ ยูผู้พากย์เสียงคอนโด้ อิซามิค่ะ โดยอิโนะซังได้บอกว่านานแล้วที่เขาไม่ได้พากย์อะไรนานๆแบบนี้ แต่ก็พากย์จนจบได้ และเขาก็หวังว่าทุกคนที่ได้ฟังคงจะสนุกกับโวลุ่มนี้ (เอ่อค่ะ สนุกมากค่ะ แหวกแนว 555)
        แล้วก็คำถามต่อไปที่ทีมงานจัดมาให้คือ “อิโนะซังมีส่วนที่เหมือนกับคอนโด้ซังไหม ?” อิโนะซังก็บอกว่า ไม่ค่อยเหมือนกัน เพราะคอนโด้ซังดูเท่ห์มาก เขาจึงไม่กล้าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคอนโด้ซังสักเท่าไหร่ แล้วก็คำถามต่อไปคือ “ในกลุ่มชินเซ็นชอบใครเป็นพิเศษหรือเปล่า ?” อิโนะซังก็บอกว่าเขาชอบ ฮิจิคาตะซัง กับ โอคิตะซัง เหตุผลเดียวกับคอนโด้ซัง และดูสามคนนี้จะสนิทสนมกันเป็นพิเศษด้วย
        ต่อไปก็เป็นการพูดถึงการใช้ดัมมี่เฮดไมค์อัดเสียง อิโนะซังก็บอกว่าเขาต้องมีการเคลื่อนที่ตัวเองตลอดเวลา บางทีเขาก็ต้องมีการจิ้นไปด้วยละนะ สุดท้ายก็เป็นฝากส่งท้ายให้กับคนฟัง เขาบอกว่าดราม่าซีดีนี้เป็นซีดีที่เนื้อหาค่อนข้างหนักถึงขนาดต้องใช้ชีวิต เป็นเดิมพันกันเลยเหมือนกัน แต่เขาก็มีความสุขที่ได้พากย์ และ เพราะเขาใส่ใจเข้าไปในการพากย์ด้วย หวังว่าคงได้รับความชอบจากคนฟังทุกคน ก่อนที่จะกล่าวปิดไปด้วยการขอบคุณ และแทรคที่จบลง..

My comments:
        เดาไว้ตั้งแต่แรกเลยว่า ดูอ่อนโยนแบบนี้ไม่น่าจะเอโร่ยได้ ปรากฏว่าเสียงจุ๊บๆ ระดับเจ้าพ่ออย่างอิโนะซังก็ทำคนฟังเกือบๆใจแป้วเหมือนกันนะ โดยเฉพาะฉาก 逢瀬 ท่านจะอะไรกับดาบของท่านนักหนาเนี่ย แล้วคำว่า "ดาบเล่มนี้จะปกป้องเธอ เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องรักมันให้มากๆ..." ก็เข้าใจอะคะคอนโด้ซังขาาา แต่ว่าไอ่เสียงสันดาบกระทบเนื้อนี่ยังงัยก็กลัวแหะ....แบบว่ายอมรับเลยว่า คอนโด้ซังมีด้านที่ใครๆก็มองไม่เห็นอยู่เยอะมาก.... แต่มันก็ดีนะ เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้จักคอนโด้ซังมากขึ้นในมุมมองที่อนิเมะหรือพวก ภาพยนตร์อะไรงี้ไม่ค่อยเอาออกมานำเสนอสักเท่าไหร่....
        ตอนจบของโวลุ่มนี้ก็ค่อนข้างเศร้าสำหรับคนที่เคยอ่านประวัติคอนโด้ซังมา บ้าง.... ถ้าไม่เคยอ่านแล้วจะเฉยๆมาก เพราะฉะนั้นแนะนำว่าถ้าใครอยากอินก็ไปอ่านประวัติคอนโด้ซังซะก่อนแล้วค่อยมา ฟังนะคะ

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆ จบรีวิวแล้วค่า !!!!!!!!!!!!!
ถ้าใครอ่านแล้วงงๆ ถามหลังไมค์ได้หรือคุยกะเราในเฟซได้นะคะ
(เม้นในบล็อกนี้ก็ได้นะเคอะ...จะได้รู้ว่าอ่านแล้ว)

ขอบคุณคนที่ตามรีวิวมาจนถึงบัดนี้ค่ะ เราสัญญาจะเอาดราม่าซีดีน่าฟังมาริวิวให้อ่านกันอีกแน่ๆ //ทำหน้ามั่นใจมาก