วันนี้เรามารีวิวดราม่าซีดีเกี่ยวกับกลุ่มชินเซนกันดีกว่า จากที่เคยได้รีวิวรวมๆไป ในเอนทรี่นี้ (จิ้มสิ)
วันนี้เรามารีวิวกันคนต่อคน แผ่นต่อแผ่นกันเลยดีกว่า
ประเดิมด้วยหนุ่มคนนี้เลย

Okita Souji
หัวหน้าหน่วย 1 แห่งกลุ่มซามูไรสมัยเอโดะ ชินเซนงุมิ
ผู้รับใช้และจงรักภักดีต่อรัฐบาลโชกุนจนถึงวาระสุดท้าย
ถ้าให้พูดถึงประวัติของโอคิตะซังก็คงจะยาว จึงขอตัดๆไปแล้วกันนะคะ
เราไปเริ่มรีวิวตั้งแต่แทรคแรกจนถึงแทรคสุดท้ายกันดีกว่า
*เนื่องจากโวลุ่มนี้ มี 2 แผ่น จึงขอรีวิวแยกเป็นเอนทรี่นะคะ เอนทรี่ละแผ่น
หมายเหตุ : เหตุการณ์ทุกอย่างที่โอคิตะซังได้เจอกับนางเอก เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นนะคะ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องจริง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โรงเตี๊ยมอิเคดะยะ หรือ แม้แต่เรื่องที่โอคิตะซังป่วยเป็นวัณโรค เป็นเรื่องจริงที่อิงมาจากประวัติศาสตร์ค่ะ ส่วนโอคิตะซังเอส หรือ ยันเดเระรึเปล่านั้น ก็อาจจะไม่เป็นจริงเหมือนกัน อาจจะต้องไปจุดธูปหรือเคาะโลงศพของโอคิตะซังที่วัดเซนโซจิขึ้นมาถามได้ค่ะ (ใครจะกล้าทำห๊ะ /คนรีวิวโดนปารองเท้าใส่)
新撰組黙秘録勿忘草 第弐巻 沖田総司編
Shinsengumi Mokuhiroku Wasurenagusa Vol.2 Okita Souji
ชินเซนงุมิ บันทึกเป็นการลับ ~ฟอร์เกทมีนอท~ โวลุ่ม 2 โอคิตะ โซจิ
CV. 鈴木達央 Suzuki Tatsuhisa
Disc 1

Track 1
แทรคเริ่มโดยคำบอกเล่าของโอคิตะซัง โดยโอคิตะซังจะเล่าถึงตัวของเขาเอง และบอกอีกว่ากลุ่มชินเซนนั้น อาจจะมีตัวตนอยู่เพื่อปกป้องและคุ้มครองโตเกียวให้ปลอดภัย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ ที่เขายืนอยู่ได้ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพราะเพื่อใคร นอกจากคอนโด้ อิซามิ และ ฮิจิคาตะ โทชิโซเท่านั้น หากมีทั้งสองคนนั้นที่ไหน ต้องมีเขาอยู่ที่นั่น และในวันนั้น.... วันที่ 5 เดือนมิถุนายน ปี 1864 ในคดีครั้งที่ 6 “Ikedaya Jiken หรือ คดีอิเคดะยะ” นั่นเอง
ในวันนั้น โอคิตะซังได้นำหน้าไปที่โรงเตี๊ยมอิเคดะยะก่อนพร้อมกับกลุ่มของคอนโด้ซัง (ในวันนั้นกลุ่มชินเซนได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มเล็ก มีกลุ่มของคอนโด้ซังกับฮิจิคาตะซัง แล้วโอคิตะซังก็อยู่ในกลุ่มของคอนโด้ซังด้วย) เมื่อกลุ่มของคอนโด้ซังมาถึงหน้าโรงเตี๊ยม ก็สังเกตว่าข้างในโรงเตี๊ยมมืดสนิท ต่างกับข้างนอกที่พระจันทร์กำลังสาดส่อง หลังจากนั้นฝ่ายของคอนโด้ซังก็เริ่มบุกก่อน ก็เกิดการต่อสู้กัน โอคิตะซังก็สู้ไปเรื่อยๆ รุกเข้าไปเรื่อยๆ จนเขาเริ่มหลงกับคอนโด้ซัง (เสียงฟันกันนี่แบบว่า เอาให้แขนขาขาดกันไปเลยใช่ไหมเนี่ย

เมื่อโอคิตะซังก็เริ่มสังเกตว่าเขาหลงกับคอนโด้ซัง(เข้ามาในฝูงศัตรูแล้ว) เขาก็เริ่มมองหาคอนโด้ซังไปด้วย ต่อสู้ไปด้วย แต่ไม่นานเขาก็เริ่มไอออกมา จนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจจะหยุดไอได้ แต่ก็ยังสู้ต่อไปจนแทบจะไม่ไหว โอคิตะซังล้มลง เขาไม่ต้องการจะตายที่นี่ ปากของเขาก็ยังพร่ำแต่ชื่อของคอนโด้ซังกับฮิจิคาตะซังจนสติค่อยๆจางหายไป...
Track 2
ในตอนเช้า เมื่อโอคิตะซังตื่นขึ้น ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องตัวเอง เมื่อนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืนเขาก็รีบลนลานหาคอนโด้ซังกับฮิจิคาตะซัง เพื่อถามถึงคดีอิเคดะยะ แต่ไม่พบพวกเขา ยกเว้นเรา(นางเอก+คนฟัง)ที่เฝ้าไข้เขาอยู่ เราพยายามไม่ให้โอคิตะซังขยับตัวมากไป แต่โอคิตะซังก็ยังลนลานดิ้นๆเรื่อยๆ จนไอออกมาอีกครั้งถึงจะสงบได้ หลังจากนั้นเขาก็จะถามเราว่าพวกคอนโด้ซังเป็นอย่างไรบ้าง เราก็จะบอกว่าทุกคนปลอดภัยดี เขาจึงโล่งอก
หลังจากนั้นโอคิตะซังจะถามเราว่าทำไมเราถึงอยู่ในห้องนี้แล้วเราเป็นใคร เรากำลังจะตอบแต่โอคิตะซังก็หุนหันขึ้นมาว่าเขาไม่ต้องการรู้แล้ว ไปเรียกคอนโด้ซังกับฮิจิคาตะซังมาเยี่ยมเขาที แต่เราตอบว่าไปเรียกไม่ได้ เพราะว่าทั้งสองคนกำลังมีธุระอยู่ข้างนอกต่อจากเมื่อคืน โอคิตะซังเลยบอกว่าเพราะฉะนั้นเขาคงต้องพักเพื่อให้หายแล้วไปช่วยงานคอนโด้ ซังต่อ และเหมือนเรากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง แต่โอคิตะซังบอกว่าเขาขี้เกียจจะฟังเราพูด และ เขาก็พูดถึงคอนโด้ซังว่าเป็นคนอ่อนโยนอยู่แล้ว เวลาใครป่วยหรือตายเขาจะร้องไห้ง่ายมาก (จริงเหรอ คอนโด้ซังเซนซิทีฟเหมือนกันนะเนี่ย....--คนรีวิว)
หลังจากนั้นเราจะขอโอคิตะซังไปดูแลคอนโด้ซังด้วย แต่โอคิตะซังก็บอกว่าอย่าไปเลย เพราะคอนโด้ซังอาจจะไม่ชอบผู้หญิงแบบเราก็ได้ (โหยยย ฮิโด้ยยย

หลังจากนั้นโอคิตะซังจะนอนพักผ่อน เราก็ถามว่าจะให้หาหมอไหม แต่เขาบอกว่าไม่อยากได้หรอก แต่คอนโด้ซังบอกว่าตอนเห็นเลือดของโอคิตะซังเขาตกใจมาก โอคิตะซังก็บอกว่าคอนโด้ซังก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แล้วเราก็ถามว่าไม่เรียกหมอจะดีเหรอ เพราะโอคิตะซังไอน่ากลัวมาก โอคิตะซังก็บอกว่ามันเป็นแค่หวัดเฉยๆ หลังจากนั้นเขาก็จะไล่เราออกไปเพราะเขานอนไม่หลับถ้ามีคนอยู่ด้วย แล้วเขาก็คลุมโปงไป แล้วบอกว่าถ้าคอนโด้ซังกลับมา ให้มาเรียกเขาด้วย หลังจากเราออกไป เขาก็พึมพำว่า อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อต่อสู้เพื่อคอนโด้ซังและฮิจิคาตะซัง และ เขายังสู้ต่อไปได้ แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม....
ในวันต่อมา ฝนก็ตก โอคิตะซังลุกขึ้นมาจากเตียงเมื่อเห็นเราเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ทักว่าเอาหมอมาเขาก็ไม่พบหรอก เพราะเขาดีขึ้นเยอะแล้ว สังเกตได้จากเมื่อวานที่เขาลุกไปซ้อมดาบได้แล้ว ทั้งคอนโด้ซังและฮิจิคาตะซังต่างพยายามให้เขาไปหาหมอ แต่เขาก็บอกว่าน่ารำคาญเหมือนกับที่เราพยายามตามหมอมารักษาเขา ทั้งๆที่เขาก็หายดีแล้ว (ทั้งๆที่ท่านก็ยังไอกระจายอยู่อะนะ....

Track 3
แทรคเริ่มขึ้น ในขณะที่โอคิตะซังกำลังเล่นกับนก แต่นกก็บินหนีไปเมื่อเราเดินเข้ามา โอคิตะซังยังแสดงท่าทางรำคาญเรา เขาบอกเราว่าเขารู้สึกอึดอัดและอารมณ์เสียทุกครั้งเวลาเราเข้ามาใกล้ ในขณะนั้นเขาก็เข้ามาใกล้เรา และ บอกว่าถ้าหากเราทำให้เขารำคาญมากๆ เขาอาจจะฆ่าเราให้ตายเลยก็ได้ ถ้าเราตายตั้งแต่คดีอิเคดะยะก็คงจะดีไม่น้อย และยังมาเหมาว่าเราอาจจะเป็นสายของกลุ่มโจชู (ที่เป็นศัตรูของชินเซนงุมิ) ก็ได้ใครจะไปรู้ โอคิตะซังก็จะพูดเรื่อยๆให้เรารู้สึกอยากร้องไห้ แต่เขาก็บอกว่าน้ำตาของเราก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก หลังจากนั้นเขาก็จะเดินออกไป และ บอกเราว่าให้ยืนรอนกกลับมา แล้วขอโทษนกที่ทำให้ตกใจ ถ้าหากพรุ่งนี้เขากลับมาแล้วไม่เจอนก เขาจะโทษว่าเป็นความผิดของเราด้วย
ในตอนกลางคืน ขณะที่โอคิตะซังกำลังซ้อมดาบ เขาก็เกิดเหนื่อยกะทันหัน และ เห็นเราเดินเข้ามาหาเขา เพื่อที่จะห้ามไม่ให้เขาหักโหมกับการซ้อมมากเกินไป โอคิตะซังเลยเกิดอาการโมโหโวยวาย เมื่อรู้ว่าที่เรามาหาเขาโดยไม่ใช่คำสั่งของคอนโด้ซัง โอคิตะซังยังบอกอีกว่าเขาไม่ได้หักโหมอะไรเลย เมื่อก่อนเขาก็ซ้อมแบบนี้ไม่เห็นจะตายอะไรตรงไหน หลังจากนั้นโอคิตะซังก็ไอออกมาอีก เขาบอกว่าไม่ต้องการให้ใครมาทำเป็นห่วงเขา ที่เขาทำทุกอย่างเพราะเพื่อคอนโด้ซังและฮิจิคาตะซังเท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่ห้องนอน ตามที่เราต้องการ
Track 4
ในคืนต่อมา โอคิตะซังได้สั่งให้เราเอาห่อผ้าบางอย่างมาให้กับเขา (น่าจะเป็นเสื้อผ้าของโอคิตะซังนั่นหละ) พอ มาถึงห้อง เขาก็สำรวจของที่สั่งให้เราเอามาให้ และสั่งให้เราเอาโอบิไปเก็บไว้ในลิ้นชักในห้องเขา หลังจากนั้น เขาจะสังเกตเห็นว่าเราไม่กลับห้อง(ของเรา)เสียที เลยถามว่าทำไมยังไม่ออกไปอีก เพราะเมื่อวานเราก็มาที่ห้องเหมือนกัน เราเลยบอกว่าเพราะว่าเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง ทำให้เราเอาของที่โอคิตะซังให้ไปเอามาส่งให้เขาช้าเกินกำหนด โอคิตะซังเลยพูดกับเราว่าถึงจะมาสายหรือยังงัยเขาก็ไม่ใส่ใจ เพราะเขาก็ไม่เคยคิดจะให้เรามาเป็นผู้ดูแลเขาอยู่แล้ว ถ้าอย่างงั้นเขาอาจจะไปบอกคอนโด้ซังว่าไม่ต้องให้เรามาดูแลเขาแล้ว
แต่โอคิตะซังก็ตัดบทไปถึงกฎวินัยของกลุ่มชินเซน เพราะถ้าใครไม่ทำตามกฎ โทษก็คือฆ่าทิ้งอย่างเดียว ไม่ว่าจะใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่ถึงเราจะตายเขาก็ไม่คิดอะไร อย่างที่เขาว่าไป เขาไม่ต้องการคนดูแลอยู่ตั้งแต่ต้นแล้ว แต่เราก็ยังปฏิเสธ และ ตั้งใจจะดูแลโอคิตะซังต่อไป โอคิตะซังจึงเกิดความรำคาญถึงขีดสุด เขาจึงบอกกับเราว่าจริงๆเขาทนไม่ไหวที่จะฆ่าเราแล้ว เมื่อเขาชักดาบขึ้นมา เราก็เริ่มกลัว โอคิตะซังจึงถามเราว่าก่อนตายอยากสั่งเสียอะไรมั้ย ก่อนที่จะบอกลากับเรา อย่างไม่เสียดายชีวิตของเราเลย
แต่เราก็พูดอะไรขึ้นมาบางอย่างขึ้นมา โอคิตะซังก็หัวเราะ และถามว่า หากเขายังไม่หายป่วย ก็ยังฆ่าเราไม่ได้ สินะ แล้วก็ยังหัวเราะต่อไป และ คิดว่าเราต้องบ้าแน่ๆ สุดท้ายโอคิตะซังว่าเฉลยว่ายังงัยเขาก็ไม่ฆ่าเราง่ายๆหรอก (โหยAiba...เล่นซะเหมือนจริงขนาดนั้น ใครไปอยู่ให้ฟันได้ง่ายๆละ

Track 5
เรายังอยู่ช่วยเหลือดูแลโอคิตะซังอยู่ จนผ่านไป 2 เดือนกว่า โอคิตะซังถามเราว่าไม่เบื่อมั่งเลยเหรอที่ฝืนตัวเองดูแลเขาแบบนี้ แล้วเราก็ถามว่า จะถามทำไมว่ากี่เดือนแล้ว เขาก็บอกว่าไม่มีอะไร แต่เพราะเขาคงเห็นหน้าเราจนเบื่อเขาก็เลยถอนใจเท่านั้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เราก็คอยอยู่กับเขาตลอด ในขณะนั้นเรากำลังยกตะกร้าผ้าเพื่อจะเอาไปซัก แต่ก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่างหกล้มจนได้ โอคิตะซังจึงหัวเราะสะใจ เขาบอกว่าวันนี้โล่งใจได้หัวเราะเยาะเราอีกแล้ว แล้วเขาก็เดินจากไปตามฟอร์ม แต่เราถามว่าโอคิตะซังจะไปไหน โอคิตะซังเลยบอกว่าเขาจะไปอาบน้ำ และ เขาก็สั่งให้เราเอาน้ำเย็นมาให้เขาตอนกลางคืนที่ห้องด้วย
ในตอนกลางคืน เราก็มาที่ห้องของโอคิตะซัง เขาสั่งให้เราวางน้ำไว้ แล้วคุยกับเราเกี่ยวกับฤดูร้อนที่กำลังจะผันเปลี่ยนเป็นใบไม้ร่วง แล้วเราก็ถามเขาว่าสุขภาพของเขาดีขึ้นบ้างรึเปล่า เขาก็ตอบว่าดีขึ้นอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อิเคดะยะมันเป็นเพราะขาดเลือดไปชั่วครู่เท่านั้น ไม่ได้ร้ายแรงอะไรอย่างที่เรากลัว แต่เราก็ทักโอคิตะซังว่าเขาผอมไป เขาก็แก้ตัวว่าอาจจะเป็นเพราะหน้าร้อนไม่เจริญอาหารก็ได้มั้ง ถ้าฤดูเปลี่ยนไปเขาคงจะกลับมากินได้เหมือนเดิม
ว่าแต่ เขาสังเกตว่าตั้งแต่ที่เจอเรา เราก็ทำตัวเป็นห่วงเป็นใยเขามาตลอด เราก็บอกเขาว่า เพราะโอคิตะซังเป็นคนที่อ่อนโยน โอคิตะซังก็ด่าเราว่า บนหัวมีดอกไม้งอกขึ้นมาหรือไง (ไม่รู้มันมีความหมายแฝงรึเปล่านะ - -*) เขาเริ่มอารมณ์บูด และ บอกว่าการที่ได้คุยกับเรามันเป็นเรื่องน่าเบื่อมาก แล้วก็ทักเราว่า จะยืนอยู่ทำไม ก็หาที่นั่งสักที่ในห้องสิ แล้วเราก็เลือกไปนั่งข้างๆเขา เพื่อมองดูพระจันทร์ด้วยกัน แล้วโอคิตะซังก็นึกขึ้นได้ว่าพระจันทร์ที่เขาเห็นตอนนี้ กับ ตอนที่เห็นที่อิเคดะยะ จะสวยเหมือนกันขนาดนี้ ทำให้นึกถึงตอนเหตุการณ์ที่อิเคดะยะ เราก็นึกขึ้นได้อีกอย่าง เลยลุกขึ้น และ ชวนโอคิตะซังไปเดินเล่นด้วยกัน แต่เขาก็บ่ายเบี่ยง และ ปล่อยเราไปเดินคนเดียว แต่สุดท้ายเราก็ไม่ไป เลยเลือกจะอยู่ข้างเขาจนกว่าเขาจะหลับ เขาจึงบอกว่างั้นไม่เป็นไร ถ้าอยากจะอยู่กับเขาสองต่อสองในห้องเวลากลางคืนแบบนี้ละก็ ให้ปิดบานเลื่อนให้หมด
หลังจากที่ปิดเรียบร้อย โอคิตะซังก็เข้ามาใกล้ชิดกับเรา และ บอกว่าเรานี่มันโง่จริงๆ ที่ไว้ใจเขามากเกินไป เขาได้บอกกับเราว่าเรื่องราวของพระจันทร์ ก็ราวกับชีวิตของคนๆหนึ่งที่กำลังจะสิ้นไปเช่นกัน เขาบอกอีกว่าหากเราไม่ต้องการจะให้เขานอนหลับคนเดียว ก็นอนด้วยกันที่นี่เลยเป็นไง (คำพูดค่อนข้างล่อแหลมค่ะ เลยตัดไว้เผื่อมีเด็กเข้ามาอ่าน 555+) เราก็สะบัดหัวปฏิเสธ แต่เขาก็หัวเราะแล้วบอกว่าล้อเล่น
โอคิตะซังยังบอกอีกว่าที่ๆเขายืน คือที่ๆมีคอนโด้ซังกับฮิจิคาตะซังและกลุ่มชินเซนยืนอยู่เท่านั้น เพราะว่านอกจากพวกเขาแล้ว อะไรก็ไม่สำคัญต่อโอคิตะซังอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว หรือ ใครๆทั้งนั้น เพราะเมื่อก่อน ถึงจะมีครอบครัว แต่เขาคิดว่าเวลาเขาตายก็คงต้องตายอย่างโดดเดี่ยว แต่เพราะตอนนี้เขามีคอนโด้ซัง กับ ฮิจิคาตะซัง ราวกับครอบครัว เขาจึงต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเขาเท่านั้น
หลังจากนั้น เขาจึงถามว่า ทำไมเราถึงเอาแต่อยู่ข้างๆเขาแบบนี้ ทั้งๆที่รู้แล้วว่าเขาไม่มีใจให้ใครอีก (ฮิโด้ยอะเกน

หลังจากนั้นเราก็เริ่มร้องไห้ โอคิตะซังจึงถามว่าจะร้องไห้ไปทำไม เขาเข้าใจว่าทุกคนเป็นห่วง แต่เขาไม่ชอบจริงๆที่จะมีคนมาเป็นห่วงเป็นใยเขา เขาต้องการแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อเป็นคนที่แข่งแกร่งที่สุดในกลุ่มชินเซน แต่เพราะเรายังร้องไห้ต่อไป เขาเลยเข้ามาใกล้ๆเราแล้วบอกว่า การที่เราคิดว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนตั้งแต่แรก แท้จริงเป็นเราต่างหากที่มีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ เขาเข้าใจว่าเราเป็นห่วงเขาด้วยความจริงใจ แต่ว่าเขาก็รู้ดีว่าเขาไม่ดีพอจะให้ใครมาให้ความรักความห่วงใย
แต่เพราะต้องการรู้ว่าเราจะอ่อนโยนถึงขนาดยอมให้เขาทำอะไรเราโดยไม่โกรธหรือไม่ โอคิตะซังจึงเอื้อมหน้าเข้ามาจูบเรา (จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จุ๊บๆทัสซึนนนนนน /กำเดาหก

และแล้ว แผ่น 1 ก็จบสมบูรณ์แล้วค่ะ
ถ้าใครฟังแล้วคิดว่ามันผิด เพี้ยนๆสามารถติติงได้ตลอดนะคะ ถ้าไม่ถูกต้องอย่างไร
เพราะภาษาญี่ปุ่นก็นะไม่ใช่ภาษาแม่เราจะได้มาฟังทีเดียวแล้วเข้าใจแบบละเอียดยิบได้...
คราวหน้าแผ่น 2 ติดเรทแล้วนะก๊ะ......
ใครอายุไม่ถึง 18+ รบกวนอ่านรีวิวแล้วอยู่ในการควบคุมของผู้ปกครอง
หรือ ห้ามแบ่งเพื่อนอ่านเด็ดขาดเลยน้ออออ
ไปละค่า เจอกันเอนทรี่หน้า ในอนาคตสั้นๆนี้.....
No comments:
Post a Comment