Wednesday, October 16, 2013

[Review Drama CD] Shinsengumi Mokuhiroku Wasurenagusa Vol.2 Okita Souji Disc 2

แผ่นสองมาแล้วค่า....
ยังไม่ได้อ่านแผ่น 1 ก็กลับไปรีวิวแผ่น 1 สิ

คำเตือน
แผ่นสองนี้ เต็มไปด้วยสปอยล์
และ ฉาก(เสียง) 18+ ใน Track 1 + 2 (แต่ Track 3 + 4 ไม่ติดเรทนะคะ เรียกน้ำตาได้ดีเลยหละ)
กรุณาใช้จักรยาน เอ้ย วิจารณญาณในการอ่านรีวิวด้วยนะคะ

新撰組黙秘録勿忘草 第弐巻 沖田総司編
Shinsengumi Mokuhiroku Wasurenagusa Vol.2 Okita Souji
ชินเซนงุมิ บันทึกเป็นการลับ ~ฟอร์เกทมีนอท~  โวลุ่ม 2 โอคิตะ โซจิ
CV. 鈴木達央 Suzuki Tatsuhisa

Disc 2



Track 1
   แทรคเริ่มขึ้น ในขณะที่โอคิตะซังกำลังซ้อมดาบอย่างหนัก (นับถึงครั้งที่ 3000 ทำไปได้นะคะ....) หลังจากซ้อมเสร็จ เราก็เดินเข้ามาในห้อง (ห้องไหนซักห้องที่ไม่ใช่ห้องนอนอะนะคะ) พร้อมกับอาหารค่ำ โชคดีที่โอคิตะซังหิวพอดี ก็เลยเริ่มนั่งกินอาหารที่เราเตรียมมาให้ หลังจากกินไปได้สักพัก เขาก็เกิดบอกว่าหมดแล้ว ยังกินไม่อิ่มเลย เราเลยตั้งใจจะไปทำให้เขาเพิ่ม แต่เขากลับห้ามเราไว้แล้วบอกว่า “เขาไม่ได้อยากจะกินข้าวปั้น” และเข้ามากระซิบกับเราว่า “ที่เขาอยากกิน คือตัวเราต่างหาก”
   เราก็ตกใจ เขาก็ถามว่าจะตกใจทำไม ก็สิ่งที่เราหวังคือสิ่งนี้ไม่ใช่หรือไง ที่เราพยายามใกล้ชิดเขา พยายามจะทำตัวมาเป็นผู้ดูแลเขา ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเขาจริงๆหรอก เราก็ปฏิเสธ แต่โอคิตะซังก็ดักคอว่าไม่ต้องมาโกหก และตั้งใจจะจูบเราอีก แต่คราวนี้ไม่ใช่จะจูบที่ริมฝีปาก “แต่เป็นที่อื่นต่างหาก” เราก็ผละหนีอีก เขาก็หัวเราะอีกครั้ง และบอกว่าเราหน้าแดงใหญ่เลย แล้วเขาก็บอกว่าผู้ชายเวลาเห็นผู้หญิงทำหน้ากังวลแบบนี้ละ มันทำให้เกิดอารมณ์ชั้นดีเลย
   หลังจากนั้นเขาก็จะถามเราด้วยเสียงเมาๆ (เสียงทัสซึนหละ พากย์คุณลิงก็เสียงเมา 555+ -- นอกเรื่อง) ว่าอยากให้เขากินเราตรงไหน แขนเหรอ ? ขาเหรอ ? หรือ คอ ? (เอ่อ...แกเป็นแวมไพร์เหรอคะ...อุย คุณเป็นแวมไพร์เหรอคะ 555+)  เราก็หนีอีกเรื่อยๆ โอคิตะซังก็เลยถอนใจ และ บอกเราว่า ถ้าจะหนีก็รีบๆหนีไปซะ หลังจากนั้นเราก็บ้าจี้กับคำพูดโอคิตะซังโดยการเดินออกไป พร้อมเสียงบานเลื่อนที่ปิดลง
   หลังจากเราออกไป โอคิตะซังก็มาพึมพำกับตัวเองอีกครั้งว่ามันคงดีที่สุดแล้ว เขาคงไม่มีค่าพอให้ใครมารักได้หรอก... หลังจากนั้นโอคิตะซังก็ไอออกมารุนแรงอีกครั้ง เราที่วิ่งออกไปก็วิ่งกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งหนึ่ง โอคิตะซังก็ถามเราว่ากลับมาทำไม แค่อากาศหนาวก็เลยไอเท่านั้นเอง เราจึงบอกว่าจะให้ความอบอุ่นแก่โอคิตะซัง โอคิตะซังเลยดึงเราเข้ามากอด และบอกว่า “もう知らないよ(จะเกิดอะไรขึ้นเค้าไม่ขอรับรู้แล้วนะ)” หลังจากนั้นก็จับเรามาจูบ (ไอ่ฉากนี้เขาจับเราจูบยังงัยก็ลองใช้ประสาทฟังแล้วเดากันเองแล้วกันค่ะ 5555+)
   หลังจากถอนจูบออก เขาก็บอกว่า อาจจะมีคนเข้ามาเห็นเรา แต่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากลับไปที่ห้องนอน แล้วก็จูบอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นเราไม่ขัดขืน เขาก็ถามและเหมือนจะปล่อยให้เราตัดสินใจอีกครั้งว่าจะหนีหรือไม่หนี แต่เพราะเรายืนยันว่าไม่หนี  เขาก็เลยคิดว่า สิ่งนี้เราคงจะหวังให้มันเกิดขึ้นมานานแล้วสินะ.... (เราตอบในอากาศไปแล้วค่ะว่า そうかもしれないです อาจจะใช่ก็ได้ กร๊ากกก)
   แล้วเขาก็ก้มลงถามเราอีกว่า ตอนที่ถูกจูบครั้งแรก รู้สึกอย่างไรบ้าง เราก็ทำหน้างงๆ โอคิตะซังก็บอกว่า “ลืมไปแล้วเหรอ ถ้างั้นทำแบบนี้แล้วจะจำได้รึยัง” แล้วก็ก้มจูบอีก แล้วก็บอกว่าห้ามละสายตาแล้ว จ้องตาเขาพร้อมตอบคำถามของเขาด้วย หลังจากนั้นเขาก็ถามอีกว่านอกจากเขาแล้ว เราเคยทำแบบนี้กับใครอีกรึเปล่า ? เราก็ส่ายหน้า โอคิตะซังก็หัวเราะเบาๆ และ บอกว่า “แบบนี้ก็สนุกละสิ เพราะครั้งแรกของเรา เขาได้ฮุบเอาไว้หมดแล้ว” แล้วก็มีเสียงผ้าเปิดออก โอคิตะซังก็ชมว่าสวย (อ๊ากก อะไรสวยค๊า) แล้วก็ก้มลงจูบ (จูบตรงไหนไม่รู้ ตอนรีวิวเค้าไม่ได้ใส่หูฟัง 555+) นานๆไปค่อยจูบแรงขึ้นเรื่อยๆ เราก็เริ่มดิ้น โอคิตะซังเลยบอกให้เราทนไว้ และอยู่นิ่งๆรองรับริมฝีปากของเขาไป...
   จูบเสร็จ โอคิตะซังก็ถามว่าเราแน่ใจนะที่จะมอบมันให้กับเขา แล้วเขาก็บอกว่า นอกจากเขาแล้วก็ยังมีชายหนุ่มดีๆอีกตั้งมากมาย แล้วก็พยายามให้เราตอบคำถามของเขาให้ได้ (เอ่อ เราเคลิ้มกับริมฝีปากของโอคิตะซังไปแล้วค่ะ แอ่กกกกก ) แล้วเขาก็บอกเราว่าเที่ยงตรงดีนะ ทำให้เขารู้เลยว่า ร่างกายของเราได้บอกว่า เราต้องการให้เขารักเราบ้าง แต่โอคิตะซังก็บอกว่า ที่เขาทำกับเราแบบนี้ไม่ใช่เพราะเขารักเรา แต่มันเป็นเพราะอารมณ์ที่พาไปต่างหาก เขาไม่ใช่ของๆเรา แต่เราเป็นของเขา และต้องทำทุกอย่างตามคำสั่งของเขาเท่านั้น
   หลังจากนั้นเขาก็เข้ามากระซิบกับหูเราอีกครั้งว่า จะเติมเต็มให้กับเราทุกซอกทุกมุม (ห๊ะ มาจิเด้ๆๆๆๆ) และสั่งให้เราอ้อนวอนขอร้องเขา โดยการใช้เสียงอ้อนวอน และ ทำให้เขาเกิดอารมณ์ก็พอแล้ว ก่อนที่จะคะยั้นคะยอเราให้พูดอีก จนเราพูดออกมา เขาจึงตกลงที่จะเติมเต็มให้กับเรา

Track 2
   ในแทรคนี้ก็เป็นฉาก 逢瀬 โอเซะ (แปลว่าฉากนัดพบกันลับๆ) ของจริงแล้วค่ะ สถานที่คาดว่าจะกลับมาที่ห้องนอนของโอคิตะซังแล้วหละนะ โอคิตะซังก็อยู่ข้างหลังแล้วคอยกระซิบพร้อมกับจูบไปเรื่อยๆ (ส่วนมากจะเน้นจากข้างหลังมากกว่านะคะ) ที่เราได้ยินเสียงจูบจากข้างๆนี่ คือ  เขากำลังจูบเราจากข้างหลังน่ะค่ะ ส่วนคำพูด เขาก็พูดเล้าโลมเราไปเรื่อยๆนั่นหละ ว่าอย่าลังเลที่จะเปิดเผยทุกอย่างให้เขาเห็น เพราะเขาอยากจะเห็นสภาพเราที่มีน้ำตาเล็ด หายใจไม่ทั่วท้อง และ ร้องเสียงดังต่อหน้าเขา
   หลังจากจูบเสร็จ เขาก็สังเกตว่าเราพยายามเอามือปิดหน้า เขาเลยบอกให้เลิกเอามือปิดซะที เพราะต้องการเห็นหน้าเราตั้งแต่ต้นยันจบ แล้วก็จูบอีกครั้ง แล้วก็บอกว่าตอนนี้เราดูยั่วเขาเป็นที่สุดเลย และเขาก็ต้องการรู้ว่าเราจะจริงจังกับเขามากแค่ไหน อย่างเช่น จะยอมตายคาอกเขาไหม หรือ จะกล้าบอกว่ารักเขาได้ไหม เราก็เลยบอกว่ารัก แต่โอคิตะซังก็บอกว่า แค่พูดไม่เชื่อหรอก มันต้องพิสูจน์ ว่าถ้าเขาทำอะไรเรา เราจะไม่ขัดขืนเด็ดขาด
   ในทันใดนั้น เขาก็เลื่อนมือขึ้นมาบีบคอเราทั้งสองข้าง แล้วถามว่าเจ็บมั้ย หรือ รู้สึกดีอย่างไม่คาดคิดละ แล้วก็จูบอีกเรื่อยๆ เราพยายามดิ้น เขาก็บอกว่าทั้งๆที่เราพูดว่ารักเขา แต่ทำไมถึงต่อต้านเขาเล่า... แล้วก็ไซโคเราต่อว่า ที่เราคอยแต่มาดูแลเขา เพราะว่าสังเวชเขา รวมถึงเพราะคำสั่งของคอนโด้ซังกับฮิจาคาตะซังใช่มั้ย เราก็เหมือนจะบอกว่าไม่ใช่ โอคิตะซังก็บอกว่าไม่ต้องพยายามปฏิเสธขนาดนั้นก็ได้ บอกว่าถ้าอยากให้เขาเชื่อ ก็ต้องเลิกขัดขืนเขาก่อนนะ
   เมื่อเราเลิกขัดขืน เขาก็เลยปล่อยมือของเขาออกจากคอเรา เราก็หายใจระรัว แล้วเขาก็จับเราไปจูบอีก และสัมผัสตัวเราไปเรื่อยๆ และเขาก็หัวเราะอีก แล้วบอกเราอีกว่าเรากำลังคิดให้เขาเป็นห่วงเราอยู่ใช่ไหม แต่เปล่าเลย แล้วเขาก็หลุดหัวเราะออกมาอีก เมื่อเห็นสภาพเราแบบนี้ มันช่างดูน่าอาย แต่มันก็สวยดี ยิ่งเราอยู่ในสภาพแบบนี้ยิ่งทำให้เขาอยากมากขึ้นไปอีก และบังคับให้เรายั่วเขามากขึ้นไปอีก เราก็ร้องไห้ โอคิตะซังเลยบอกว่าห้ามร้องไห้ ร้องไห้แค่ไหนเขาก็ไม่เห็นใจหรอก... ถ้าอยากถูกกระทำแบบอ่อนโยน ก็น่าจะไม่เลือกเขาตั้งแต่แรก ก่อนที่จะถามว่า ต่อไปจะให้ทำให้เจ็บปวดแบบไหนต่อไปดี เพราะอยากเห็นว่าเราจะทนเขาได้ไปอีกนานแค่ไหน....
   หลังจากนั้นเขาก็จูบเราอีกครั้ง ก่อนที่จะพาเราเข้าไปหาแสง พร้อมกับลากตะเกียงขึ้นมา เพื่อให้มองเห็นร่างกายเราชัดมากขึ้น หลังจากที่มองเห็นแล้ว เขาก็ก้มลงจูบกับร่างกายเราอีกครั้ง เราก็เริ่มดิ้น เขาก็เตือนว่าห้ามดิ้น ก่อนที่จะกัดที่ตัวเราจนเราร้องด้วยความเจ็บ เขาก็บอกให้เราทนไว้ เพราะถ้าเราร้องออกไป จะมีคนรู้ว่า โอคิตะซังกำลังทำผิดกฎของกลุ่มชินเซนและถูกฆ่าได้ เขาก็กัดเราอีกครั้ง เราก็ร้องอีก และมองหน้าโอคิตะซังด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรุนแรงกับเราแบบนี้
   โอคิตะซังเมื่อเห็นสายตาของเราแล้ว เขาก็บอกว่าอย่าทำแบบนั้นได้ไหม ยิ่งเขาเห็นเขายิ่งเจ็บปวด และก็จูบอีกเรื่อยๆ และ คำว่ารักก็ไม่จำเป็นต้องพูดกับเขาอีกแล้ว และ บอกให้เราพยายามทนเก็บเสียงเอาไว้ หรือว่า ยิ่งเราร้อง ยิ่งกังวลว่าจะมีใครมาเห็นเข้า มันจะยิ่งทำให้ความต้องการลุกโชนขึ้นมาละ แล้วก็จูบอีก โอคิตะซังเงยขึ้นมาพูดกับเราอีกครั้งว่า เขาอยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆ
    หลังจากนั้น เขาก็เหมือนจะบอกอะไรสักอย่างกับเราว่าเขาจะทำให้เราเป็นอะไรที่ขาดเขาอีก ไม่ได้เลย จะทำให้เราหลงเขาหัวปักหัวปำ แต่เราต้องพูดว่ายินดีให้เขาทำกับเราก่อน และบังคับให้เราพูดอีก เราก็เลยบอกว่า ต้องการ เขาจึงจัดให้เราทันที ก่อนที่จะบอกกับเราเป็นคำสุดท้ายว่า “「刻んであげます、君の身体の隅々にまで、僕の証を・・・僕がいるって・・・、居たって証を・・・・・キミに 残すよ・・・」
(ไม่ขอแปลนะคะ ชักจะกลายเป็นรีวิวเรทละ 5555+)

  หลังจากเสร็จภารกิจ เขาก็กระซิบกับเราอีกว่า ตอนเช้าทำทุกอย่างให้เป็นเหมือนเดิมเหมือนว่าไม่คืนไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้น นะ แต่เพราะเขาสังเกตว่าเราหลับไปแล้ว เขาก็ถอนใจ แล้วบอกว่า หลับบนร่างของเขาเนี่ยนะ ขืนทิ้งเอาไว้ต้องเป็นปอดบวมตายแน่ และ โอคิตะซังก็ก้มกระซิบกับเราที่หลับไปแล้วอีกครั้งว่า เรื่องที่เขาป่วยเป็นโรคอะไร ห้ามไปบอกใครเลยนะ ถ้าเราไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร สักวันเราจะได้ฟังคำนั้นจากเขาแน่ๆ “คำว่ารัก” จากเขานั่นเอง....

Track 3
ในเช้าวันต่อมา เราก็มาพบกับโอคิตะซังกำลังเล่นกับนกตัวเดิม เขาก็เรียกเราเข้าไปหาเขา แต่พอเราเข้าไปหาเขา นกตัวนั้นก็บินหนีไปอีก โอคิตะซังก็หัวเราะเยาะอีก และ โทษว่าเราไปทำหน้าแปลกๆใส่นก มันก็เลยหนีไป แต่ไม่นาน นกก็กลับมา และ บอกว่านกมันอาจจะจำหน้าเราได้แล้วก็ได้ แต่ว่าเขาควรจะปล่อยให้มันเป็นอิสระดีกว่า ก่อนที่จะปล่อยมันไปโดยไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกมั้ย
  โอคิตะซังได้บอกกับเราว่า ถ้าหากเขาทำได้ เขาอยากจะเห็นความเจริญก้าวหน้าของกลุ่มชินเซน ของคอนโด้ซัง และ ฮิจิคาตะซัง ให้ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก แต่ถึงแม้จะไม่รู้อีกว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า เขาก็จะยังอยู่กับกลุ่มชินเซนต่อไปแน่นอน ถ้าเขาหนีไปตอนนี้ เขาก็จะไม่ได้รับการให้อภัยเลย ถ้าเกิดขึ้น เขาอาจจะอยู่บนโลกนี้ไม่ได้อีกแล้ว เราก็ทำหน้าเศร้า เขาก็บอกว่าเขาแค่สมมติ และก็หาว่าเราบ้าอีก ยังงัยเขาก็ต้องพยายามต่อไปอยู่แล้ว
   แล้วเราก็ถามว่าแล้วจะพยายามต่อไปเพื่อใคร เขาก็เลยเฉลยว่าจริงๆแล้วมันคือคำว่า「動かねば闇にへだつや花と水」แต่เราก็ยังไม่เข้าใจ เขาเลยเฉลยอีกว่า  水 น้ำ คือ คอนโด้ซังและฮิจิคาตะซัง และ รวมเราอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งก็คือ 花 ดอกไม้ นั่นเอง เราก็ยังงงอยู่ เขาก็เลยหลอกด่าเราว่านี่เราจะโง่ไปถึงไหนเนี่ย (อธิบาย นิด เท่าที่เราเข้าใจคือ โอคิตะซังคงหมายถึงคนที่สำคัญในชีวิตของเขา ถ้าไม่มีคนสำคัญในชีวิตเขา เขาก็คงจะดำรงอยู่ต่อไปในโลกนี้ไม่ได้)
    หลังจากนั้น โอคิตะซังก็ไล่เราให้ไปทำงานต่อ เพราะยังมีงานอีกมากต้องสะสาง แต่ก็ไม่ลืมที่จะนัดให้เราไปหาเขาในตอนกลางคืน (ท่าทางจะติดใจ *-*) ก่อนที่เราจะเดินไป หลังจากนั้น โอคิตะซังก็ไอออกมาอีกครั้ง เขาคิดในใจว่าทำไมเวลาเขารู้สึกว่าใกล้ความตายเข้ามาทุกขณะ แต่เขากลับรู้สึกไม่กลัวความตายนั้นเลย อาจจะเป็นเพราะ เขาได้อยู่กับคอนโด้ซัง ฮิจิคาตะซัง รวมถึงเรา ก็ทำให้เขามีความสุขมากพอแล้วก็ได้ ยังงัยเขาก็ยังอยากจะเห็นความยิ่งใหญ่ของพวกคอนโด้ซังต่อไป
   โอคิตะซังได้รู้ว่าสิ่งที่เขาทำได้ในขณะที่เวลาเหลือไม่นานคืออะไร ถ้าหากเขายังมีรอยยิ้มให้กับทุกคน ก็เพื่อเราเท่านั้น และเราจะรู้บ้างไหมนะ ว่าเขารู้สึกกับเราแบบนี้ ถ้าหากว่าคำอธิฐานของเขาเป็นจริง เขาจะ ภาวนาขอให้คอนโด้ซัง ฮิจิคาตะซัง และตัวเรา มีอนาคตที่ส่องสว่าง เหมือนกับพระจันทร์ในคืนที่เห็นที่โรงเตี๊ยมอิเคดะยะ เขาจะเดินชีวิตของเขา เพื่อเห็นความสุขของคนพวกนั้น จนกว่าจะถึงวันที่เขาจะหายไปจากโลกนี้....

Track 4 Free Talk by ทัสซึน เอ้ย Suzuki Tatsuhisa
ก็จะเป็นหลังจากอัดเสียงจบของทัสซึนนะคะ เสียงของทัสซึนดูเหมือนไปวิ่งจนเหนื่อย (ฮา) เขาก็จะบอกว่า เวลาที่ได้อัดเสียงนี่ ก็ยากลำบากเหมือนกัน ไม่เคยพากย์อะไรแบบนี้มาก่อน ต้องทั้งไอ ทั้งเล่าเรื่องไปด้วย และก็พยายามอย่างเต็มที่สำหรับฉาก 18+ ด้วย 5555+ ต่อไปก็เป็นคำถามว่าในชินเซ็นงุมินี่ชอบใครมากที่สุด ทัสซึนก็บอกว่า เขาไม่ค่อยได้มีความสนใจในตัวชินเซ็นงุมิซักเท่าไหร่ (แนวๆว่าทัสซึนตกวิชาประวัติศาสตร์ด้วยปะ 5555+) เขาบอกว่าช่วงที่ชอบก็คือสมัยเฮอัน ก็เลยสนแต่สมัยนั้น แล้วมาพากย์โอคิตะก็อ่านประวัติมาบ้างแต่ก็ไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษเลย แล้วเขาก็บอกว่า ดัมมี่เฮดไมค์ก็ใช้บ่อยเหมือนกันช่วงนี้จนชินไปแล้ว (ช่วงนี้สปีดทัสซึนจะเร็วไปไหนเหมือนกำลังจะไปเข้าห้องน้ำรึเปล่า 555+ ทัสซึนพูดอะไรเกี่ยวกับดัมมี่เฮดนี่หละ)
   แล้วมาถึงเมสเซจที่จะฝากให้คนฟังก็ ทัสซึนก็บอกแค่ว่า “รีกลับไปฟังได้ครับ” แล้วก็จบเลย 5555+

โอเค จบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะ....
เฮ้อ...สงสารโอคิตะซังอะ ไม่ถูกฆ่าตายแต่ก็เป็นโรคตาย
ชินเซ็นงุมินี่เป็นกลุ่มที่น่าสงสาร และ น่าสรรเสริญมาก ที่ยอมตายเพื่อความจงรักภักดีของตัวเอง
ถ้าใครฟังแล้วคิดว่ามันผิด เพี้ยนๆสามารถติติงได้ตลอดนะคะ ถ้าไม่ถูกต้องอย่างไร
เพราะภาษาญี่ปุ่นก็นะไม่ใช่ภาษาแม่เราจะได้มาฟังทีเดียวแล้วเข้าใจแบบละเอียดยิบได้...

แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการค่าาาาาาาา


No comments:

Post a Comment